วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ GDP สหรัฐฯติดลบ แต่อาจไม่ได้แย่

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ GDP สหรัฐฯติดลบ แต่อาจไม่ได้แย่

แนวโน้มดอกเบี้ยมีโอกาสลดลงต่อเนื่อง คณะกรรมการ กนง. มีมติ 5 : 2 ให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จากเดิม 2.00% เป็น 1.75% ต่อปี โดยให้มีผลทันที

โดยหลักจากผลของนโยบายกีดกันการค้าของสหรัฐฯ พร้อมปรับลดประมาณการอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) เหลือ 2% จากเดิมที่ 2.9% โดยเป็นการปรับลดลงในทุกหมวดเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคการส่งออกที่อาจทำได้เพียงทรงตัว เนื่องจากได้รับผลกระทบโดยตรงจากสงครามการค้า ทั้งนี้ ธปท. ได้ทำประมาณการ GDP ในอีกหนึ่งกรณี คือกรณีที่ภาษีการค้าของไทย ถูกเก็บในอัตราที่มากกว่าประเทศอื่นๆ โดยกรณีดังกล่าว ธปท. ประเมินเศรษฐกิจไทยจะเติบโตเพียง 1.3% เท่านั้น โดยประเมินภาคการส่งออกจะหดตัว -2.8% ภาพรวมเรามองเป็นบวกต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ของกนง. และมีแนวโน้มที่อาจปรับลดได้อีกในอนาคต เนื่องจากจะเป็นการช่วยปรับลดดอกเบี้ยจ่าย และช่วยหนุนกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียน และประเมินว่าตลาดได้รับรู้ความเสี่ยงทางด้านเศรษฐกิจ ณ ปัจจุบัน ไปมากแล้ว สะท้อนผ่าน SET Index ที่ได้ปรับลดลงไปแตะระดับ 1,040 จุด หรือซื้อ/ขาย ที่ P/E ประมาณ 13 เท่า (บน Forward EPS ที่ 80 บาท)     

GDP สหรัฐฯ ติดลบ 0.3% แต่ไม่ได้แย่: สหรัฐฯ มีการรายงานการเติบโตของ GDP ใน 1Q68 หดตัว -0.3% ทั้งนี้หากดูในรายละเอียดการหดตัวในรอบนี้มาจากการเร่งการนำเข้าสินค้า ก่อนที่มาตรการภาษีการค้าจะมีผล สะท้อนผ่านการนำเข้าสินค้าที่ขยายตัวมากถึง +50.9% ขณะที่หมวดเศรษฐกิจอื่นๆ อาทิการบริโภคในประเทศ, การลงทุน ยังคงขยายตัวได้ ทั้งนี้เราประเมิน 2Q68 อาจยังคงเห็นการเร่งการนำเข้าอยู่บ้าง แต่อาจไม่มากเท่ากับ 1Q68    

ประเมินตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นต่อเนื่อง: สำหรับวันนี้เราประเมินตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับขึ้นต่อได้ตามตลาดหุ้นต่างประเทศ ประกอบกับปัจจัยกดดันต่างๆ เริ่มผ่อนคลาย และคาดจะเริ่มมีแรงซื้อจากกองทุน ThaiESG Extra เข้ามาจากผู้ที่โอนเงินมาจากกองทุน LTF เดิม เราแนะนำให้เน้นลงทุนให้หุ้นขนาดใหญ่เพื่อตอบรับโอกาสที่เงินลงทุนจะไหลเข้าในช่วงนี้
 

 

ภาพรวมกลยุทธ์ ดัชนีผ่าน 1,160 ทำให้กรอบด้านบนอยู่ที่แนวต้าน 1,200/1,220 จุด ควรเสี่ยงลดน้ำหนักหรือขายทำกำไรธนาคาร ขณะที่สามารถเก็งกำไร การเงิน (MTC, SAWAD)หุ้นปลอดภัย โรงไฟฟ้า, การแพทย์, สื่อสาร (EGCO, RATCH, BDMS, BCH, ADVANC, TRUE) และกลุ่มอาหาร ที่แนวโน้มผลประกอบการจะออกมาดี โดยเฉพาะผู้ผลิตเนื้อสัตว์ (TFG, GFPT, BTG, CPF, NSL) ขณะทางพื้นฐานยังระวังการลงทุนในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า โดยเฉพาะ กลุ่มอาหารที่มีรายได้จากสหรัฐฯ สูง (TU, ITC) และกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม

แนวรับ: 1,180 แนวต้าน : 1,200-1,220 จุด

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 50% vs พอร์ตหุ้น 50%

หุ้นแนะนำ  (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)

•    CPF (30) : ผลการดำเนินงานมีแนวโน้มแข็งแกร่งในช่วงครึ่งปีแรก และมีปัจจัยบวกระยะถัดไปจากนำ CPP เข้าจดทะเบียนในตปท. ตัดขาดทุน 24.50 บาท
•    BDMS (25) : คาดผลการดำเนินงาน 1Q25 เติบโตดี หนุนจากผู้ป่วยชาวไทย ขณะที่อัตรากำไรยังทำได้ดีต่อเนื่อง ตัดขาดทุน 22.50 บาท
•    OSP (18.50): แนวโน้มผลประกอบการผ่านช่วงแย่สุดไปแล้วและกำลังฟื้นตัว สะท้อนผ่าน GPM ที่ฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ตัดขาดทุน 14.20 บาท
•    MTC (48) : คาดจะเห็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. ในการประชุมวันนี้ และมีโอกาสปรับลดเพิ่มเติมจากเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ตัดขาดทุน 43 บาท

ประเด็นที่น่าสนใจ 

-    สหรัฐฯ-ยูเครนลงนามข้อตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจ เปิดทางสหรัฐฯเข้าถึงแร่หายาก
-    ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50%
-    ISM เผยดัชนีภาคการผลิตสหรัฐฯ หดตัวที่ 48.7 ในเดือนเม.ย
-    มูดี้ส์ปรับลดมุมมองอันดับเครดิต 7 แบงก์ไทยเป็นลบ หลังเพิ่งหั่น Outlook ไทย
-    สศค. หั่นเป้า จีดีพีปี 68 เหลือ 2.1% เดิมคาด 3% จากผลของมาตรการภาษีสหรัฐฯ

 

-    ธปท. มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เหลือ 1.75% พร้อมปรับลดประมาณการ GDP ปี 68 เหลือ 2% จากเดิม 2.9% 
-    คลัง เตรียมชงครม.ปรับเงื่อนไข "คุณสู้ เราช่วย" เร่งคลายล็อกหนี้ครัวเรือน
-    บทวิเคราะห์วันนี้ : Property แนะนำ UNDERWEIGHT/ AWC แนะนำ ซื้อ เป้า 3.30 บาท/ BH แนะนำ ถือ เป้า 178 บาท/ SCC แนะนำ ถือ เป้า 160 บาท  

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

5 พ.ค. – US ISM Service PMI 

 

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ GDP สหรัฐฯติดลบ แต่อาจไม่ได้แย่