วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก TESGX หนุน

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก TESGX หนุน

วันพุธที่ผ่านมาดัชนีปรับตัวขึ้น มีแรงหนุนจากผลการประชุมกนง. มีมติ 5 ต่อ 2 เสียง ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% โดยมีผลทันที มีแรงซื้อนำโดยหุ้น DELTA ซึ่งหนุนดัชนีราว 10 จุด

ตามด้วยแรงซื้อในหุ้นกลุ่มธนาคาร พลังงาน ไอซีที และค้าปลีก เป็นปัจจัยหนุนเพิ่มเติม ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาการประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,197.26 จุด +26.14 จุด 2.23% มูลค่าการซื้อขาย 54,369.45 ลบ. (ในเดือนที่ผ่านมาดัชนี +39.17 จุด +3.38%) Program Trading +3,600.54 ลบ. ต่างชาติ +3,318.58 ลบ. TFEX +5,617 สัญญา ตราสารหนี้ -2,186.38 ลบ.

ปัจจัยบวก    

+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 83.60 จุด หรือ +0.21% โดยดาวโจนส์ และ S&P500 ปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 8 ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดพุ่งขึ้นกว่า 1.5% ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่อย่างไมโครซอฟท์ (Microsoft) และเมตา แพลตฟอร์มส์ (Meta Platforms)
+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดเพิ่มขึ้น 1.03 ดอลลาร์ หรือ +1.77% ปิดที่ 59.24 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ขู่ว่าจะคว่ำบาตรอิหร่าน ภายหลังจากการเจรจานิวเคลียร์รอบที่สี่ระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่านถูกเลื่อนออกไป
+ เจ้าหน้าที่ของญี่ปุ่นเริ่มต้นการเจรจารอบที่สองกับเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ โดยคาดว่าการหารือครั้งนี้จะเน้นไปที่ข้อเสนอของญี่ปุ่นที่จะนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ เพิ่มมากขึ้น
+ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง แต่ยังสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ดัชนีปรับตัวต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ภาวะหดตัวของภาคการผลิตสหรัฐฯ
+ สหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกอยู่ที่ 241,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 26 เม.ย. เพิ่มขึ้น 18,000 ราย จาก 223,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้า สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ราว 224,000-225,000 ราย และสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. ที่ผ่านมา

 

+ กระทรวงคลังเตรียมจะเสนอที่ประชุม ครม. ในช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ค. 68 พิจารณาปรับเกณฑ์เงื่อนไขโครงการ "คุณสู้ เราช่วย" เพื่อให้ครอบคลุมลูกหนี้มากขึ้น โดยเฉพาะเงื่อนไขมาตรการจ่าย ปิด จบ

ปัจจัยลบ

- รมว.กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่าถึงเวลาแล้วที่รัสเซียและยูเครนต้องยื่นข้อเสนอที่เป็นรูปธรรมเพื่อยุติสงคราม พร้อมกับเตือนว่าสหรัฐฯ จะถอนตัวจากการเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยหากยังไม่มีความคืบหน้า
- หอการค้าสหรัฐฯ ส่งหนังสือถึงทำเนียบขาวเพื่อเตือนถึงอันตรายต่อ ธุรกิจขนาดเล็กที่ไม่สามารถแก้ไขได้ รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่อาจเกิดขึ้น พร้อมเรียกร้องให้มีการดำเนินการเพื่อช่วยเหลือทันที
- การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างของสหรัฐฯลดลง 0.5% ในเดือนมี.ค. แตะที่ 2.196 ล้านล้านดอลลาร์ สวนทางนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.6% แตะที่ 2.207 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนก.พ.
- มูดี้ส์ เรทติ้งส์ สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับโลก ปรับลดมุมมองอันดับความน่าเชื่อถือของสถาบันการเงิน 7 แห่งของไทยเป็น "เชิงลบ" จาก "มีเสถียรภาพ" หลังจากเพิ่งลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลไทย

แนวโน้มตลาดวันนี้    

คาดดัชนีมีโอกาสปรับตัวขึ้น โดยมีแรงหนุนจากกองทุน TESGX เสนอขายวันนี้วันแรก จำนวน 37 กองทุน ประกอบกับราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวขึ้นหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน มองกรอบดัชนีในวันนี้ 1,185-1,210 จุด

กลยุทธ์การลงทุน   

• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากโครงการ TISA : CPALL SCB TISCO EGCO BDMS TU ADVANC
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากกองทุน TESGX: BBL BEM CPALL PTT TISCO
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว : HMPRO GLOBAL DOHOME SCGD TEAMG
• หุ้นที่ธปท.กำลังพิจารณาอนุมัติให้ประกอบธุรกิจ Virtual Bank : KTB ADVANC GULF OR SCB
• หุ้นที่คาดว่าผลประกอบการ 1Q68 จะออกมาดี : STECON OSP WHA TRUE ADVANC

 

หุ้นรายงานพิเศษ

HMPRO "ซื้อ" Bloomberg Consensus 10 บาท มีอัพไซด์ 18%
"มุมมองเป็นกลางต่อกำไร 1Q68 ที่ออกมาตามที่ตลาดคาด"

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก TESGX หนุน

•งวด 1Q68 มีกำไร 1,707 ลบ. ทรงตัว YoY และ QoQ โดยมีรายได้จากการขาย 17,547 ลบ. -0.7%YoY +3%QoQ โดยมีปัจจัย คือ 1) กำลังซื้อของผู้บริโภคชะลอตัว โดยมี SSSG ติดลบ 3-4% 2) จำนวนวันในเดือน ก.พ. ที่น้อยกว่าปีก่อน และ 3) ฤดูร้อนที่ล่าช้า ส่งผลต่อยอดขายกลุ่มเครื่องทำความเย็น ขณะที่มาตรการ Easy E-receipt ของปี 68 ช่วยได้ไม่มาก เนื่องจากมีจำนวนร้านค้าที่รับสิทธิเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับวงเงินสำหรับสินค้าทั่วไปลดลง จากปีก่อนจาก 4 หมื่นบาทเหลือ 3 หมื่นบาท และในช่วง 1Q68 ยังไม่มีการเปิดสาขาใหม่ ขณะที่ %GPM ปรับลดลงมาเล็กน้อยที่ 26.18% (1Q67 = 26.24%, 4Q67 = 27.8%) จากสัดส่วนยอดขาย Private Brand ที่ลดลง

ความเห็น เรามีมุมมองเป็นกลางต่อกำไร 1Q68 ที่ออกมาตามที่ตลาดคาด ขณะที่ คาดเป้าหมายการเติบโตทั้งปี 68 ยังเป็นไปตามเดิม คือ SSSG เติบโต 2-3% รายได้เติบโต 5-7% ส่วน %GPM ขยายตัวเล็กน้อย 0.2-0.3% จากการเพิ่มสัดส่วนสินค้า Private Brand โดย Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 68 ราว 6,788 ลบ. (กำไร 1Q68 คิดเป็น 25% ของประมาณการทั้งปี) +4%YoY และราคาเหมาะสม 10 บาท มีอัพไซด์ 18% แนะนำ "ซื้อ" บริษัทมีโครงการซื้อหุ้นคืน โดยจำนวนหุ้นซื้อคืนสูงสุด 800 ล้านหุ้น สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 68 เมื่อวันที่ 29 เม.ย. 68 ซื้อหุ้นคืนแล้วจำนวน 8.5 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนรำว 1% ของจำนวนหุ้นซื้อคืนสูงสุด

หุ้นมีข่าว

(+) NKT (Bloomberg consensus 10.40 บาท) รุกขยายการลงทุนสร้างโรงพยาบาลนครธน 2 พร้อมเพิ่มจำนวนเตียงให้บริการโรงพยาบาลนครธน ปักหมุดรายได้รวมปีนี้เติบโตระดับ 8-10% ด้านผู้ถือหุ้นไฟเขียวจ่ายเงินปันผลงวดปี 2567 ในอัตรา 0.18 บาทต่อหุ้น เตรียมรับทรัพย์ 26 พฤษภาคมนี้ (ที่มา ทันหุ้น)

(+) TFM (Bloomberg consensus 6.30 บาท) โชว์ผลงานโค้งแรก 2568 มีกำไรสุทธิ 131.9 ล้านบาท โต 26.8% จากการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพในทุกมิติ รุกเดินหน้าปรับพอร์ตสินค้า มาร์จิ้นสูง กวาดยอดขาย 1,231.3 ล้านบาท ชูอาหารกุ้งโต 9.7% หนุนอัตรากำไรขั้นต้นแตะ 21.7% นับเป็นการเติบโตแข็งแกร่ง 5 ไตรมาสติดต่อกัน มั่นใจปีนี้โตต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าต่อยอดธุรกิจ หลังผู้ถือหุ้นอนุมัติแตกพาร์เหลือ 1 บาท จากเดิม 2 บาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) SCC (ราคาเหมาะสม 167.00 บาท) แย้ม Q2/2568 ฟอร์มแจ่ม Q1/2568 อานิสงส์ดีมานด์ทะลัก แถมยืนเป้าปี 2568 รายได้เติบโต 3-5% จากปีก่อน รับพอร์ตลูกค้าขยายตัว แถมแนะรัฐบาลจับมือเอกชนเร่งเจรจาสหรัฐอเมริกา กรณีภาษีตอบโต้ หลังมูดีส์ปรับมุมมอง Outlook ไทย (ที่มา ทันหุ้น)

(+) ERW (Bloomberg consensus 3.85 บาท) เตรียมแจ้งงบไตรมาส 1/68 วันที่ 14 พ.ค.นี้ คาดเติบโตตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทย ส่วนแนวโน้มไตรมาส 2/68 คาดรับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ฉุดความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวต่างชาติ และเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของภาคการท่องเที่ยว แต่ผลงานปีนี้มั่นใจโตกว่าปีก่อน คาดจานวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น (ที่มา ข่าวหุ้น)