วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.กรุงศรี CENTEL 1Q25F ชะลอตัวจากค่าใช้จ่ายโรงแรมที่เพิ่มขึ้น

เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” CENTEL โดยปรับราคาเป้าหมายใหม่เป็น 35 บาท อิงจากแนวโน้มกำไรที่ยังเติบโตในระยะยาว โดยเราคาดกำไรสุทธิ 1Q25F จะลดลง yoy จากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในธุรกิจโรงแรม
และเพื่อสะท้อนแนวโน้มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ชะลอตัวในไทยที่อาจจะกดดันการปรับขึ้นราคาห้องพักในช่วงที่เหลือของปี เราจึงปรับลดประมาณการกำไรปี 2025–2027F ลง โดยคาดกำไรปี 2025F อยู่ที่ 1.8 พันล้านบาท (+6% yoy) ก่อนฟื้นตัวดีขึ้นในปีถัดไป อย่างไรก็ตาม CENTEL ยังมีจุดแข็งจากโครงสร้างรายได้ที่กระจายตัว โดยธุรกิจอาหารคิดเป็น 54% ของรายได้รวม ช่วยลดความเสี่ยงจากการพึ่งพิงภาคการท่องเที่ยวโดยตรง ขณะที่ราคาหุ้นปรับตัวลงกว่า 16% และซื้อขายที่ 19x PER ปี 2025F ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 35x และอยู่ในระดับ -1.5SD ซึ่งเรามองว่าสะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว
คาดกำไรปกติลดลง -4% yoy แต่ +8% qoq มาที่ 721 ล้านบาท
(i) Hotel unit : คาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้น 6% yoy และ 13% qoq เป็น 3.4 พันล้านบาท จากการเติบโตของ RevPar +1% yoy, +18% qoq เป็น 5,066 บาทต่อคืน โดยเฉพาะการเติบโตในไทย (10% yoy หลักๆ มาจากการเติบโตโรงแรมในต่างจังหวัด เช่น ภูเก็ต สมุย) และญี่ปุ่น (+8% yoy, การเพิ่มขึ้นของอัตราห้องพักในญี่ปุ่น) ในขณะที่มัลดีฟส์ ลดลง -41% yoy (ii) Food unit: คาดรายได้จะเติบโต 3% yoy โดยคาด SSSG +1% และการขยายสาขา อย่างไรก็ตาม กำไรที่คาดลดลง yoy มาจากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในธุรกิจโรงแรม ได้แก่ ค่าใช้จ่ายในการเปิดและขาดทุนจากโรงแรมใหม่ในมัลดีฟส์ (90-100 ล้านบาท) การขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 50 ล้านบาทจากค่าเงินเยนที่แข็งค่าขึ้น รวมทั้งดอกเบี้ยจ่ายที่คาดจะเพิ่มขึ้น ดังนั้น เราคาดอัตรากำไรสุทธิลดลงมาอยู่ที่ 10.8%
2Q25F ได้ญี่ปุ่นช่วยหนุนการเติบโต แต่ไทยและมัลดีฟส์ชะลอตัว ปรับลดประมาณการลง
จากผลกระทบของนักท่องเที่ยวในประเทศที่ลดลง โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่ยอดจองลดลง -10% yoy ขณะที่ต่างจังหวัดยังเติบโตได้ราว 6–7% yoy ทำให้ยอดจองในไทย (73% ของรายได้) ทรงตัว yoy อย่างไรก็ดี การกลับมาเปิดให้บริการของ Centara Grand Mirage Pattaya และ Centara Karon Resort Phuket ช่วยหนุนรายได้จากห้องพักในไทยเติบโต +12% yoy สำหรับญี่ปุ่นยังคงโดดเด่นจากการเติบโตของยอดจอง +30% yoy โดยสามารถปรับราคาห้องพักขึ้นได้จากอานิสงส์ของงาน Osaka World Expo 2025 ขณะที่มัลดีฟส์ยังอ่อนตัว ด้วยแนวโน้มผลประกอบการใน 1Q25F ที่อ่อนตัวลง yoy ประกอบกับยอดจองล่วงหน้าที่ชะลอลง เราจึงปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2025–2027F ลง 9–11% จากการปรับลดสมมติฐาน RevPAR ปี 2025F ลงมาอยู่ที่ 4,288 บาท (+5% yoy จากเดิมคาด +10%) โดยคาดอัตราการเข้าพักทรงตัว yoy ที่ 72% และไม่ปรับขึ้นราคาห้องพักในไทยและภูมิภาคอื่น ยกเว้นญี่ปุ่น นอกจากนี้ ปรับลดอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) จากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากโรงแรมใหม่
เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายใหม่อยู่ที่ 35 บาท
จากภาคท่องเที่ยวอาจเผชิญแรงกดดันจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ชะลอตัว เรามองว่าบริษัทที่มีรายได้กระจายตัวดี อย่าง CENTEL จะสามารถบริหารความเสี่ยงได้ดีกว่า โดย CENTEL มีรายได้จากธุรกิจอาหารราว 54% ช่วยลดการพึ่งพิงภาคท่องเที่ยวโดยตรง ขณะที่ธุรกิจโรงแรมมีรายได้กระจายในไทย (73%) และต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น (14%) ซึ่งช่วยชดเชยพื้นที่ที่ชะลอตัวได้ ทั้งนี้ ราคาหุ้น CENTEL ปรับตัวลดลงกว่า 16% และปัจจุบันซื้อขายที่ 19x PER 2025F ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 35x และอยู่ในระดับ -1.5SD ซึ่งเรามองว่าสะท้อนปัจจัยลบไปแล้วในระดับมาก จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”







