วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ ปรับประมาณการ GDP โลกและไทยของ IMF คืนนี้ 

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ ปรับประมาณการ GDP โลกและไทยของ IMF คืนนี้ 

คาดเห็นการปรับลด GDP โลกลงแรงในคืนนี้ IMF เตรียมเปิดเผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจ (World Economic Outlook: WEO) ฉบับใหม่คืนนี้ (22 เม.ย.)

คาดเห็นการปรับลด GDP โลกและหลายประเทศลงแรง สะท้อนความเสี่ยงของภาษีการค้า (Tariffs) โดยคาดการณ์ฉบับม.ค.68 IMF คาดเศรษฐกิจโลก (GDP) ปี 68 และ 69 เติบโต 3.3% และ 3.3% โดยการเติบโตของประเทศสำคัญ ได้แก่ สหรัฐฯ (2.7% / 2.1%), ยูโร (1.0% / 1.4%), ญี่ปุ่น (1.1% / 0.8%), จีน (4.6%  / 4.5%) สำหรับประเทศไทย (2.9% / 2.6%) ทั้งนี้จากรายงานขององค์การค้าโลก (WTO) ล่าสุด (16 เม.ย.) ที่คาดการค้าโลกจะหดตัวเหลือ -0.2% (จากเดิม +2.7%) โดยเฉพาะภูมิภาคอเมริกาเหนือ ที่คาดว่าจะลดลง -12.6% ขณะที่ปรับคาดการณ์ GDP โลกลงเหลือ 2.2% และ 2.4% (จาก 2.8% และ 2.6%) ทำให้เรามองคาดการณ์ของ IMF น่าจะออกมานิทศทางสอดคล้องกันและเป็นลบต่อบรรยากาศลงทุนระยะสั้น

หุ้นธนาคารเริ่มเห็นการปรับลดประมาณการและราคาเหมาะสมสอดคล้องกับที่เราแนะนำให้ระวังแรงขายทำกำไรและการปรับลดน้ำหนักการลงทุนในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา: หุ้นธนาคารหลักๆทยอยปรับตัวลง 4-12% ในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา สอดคล้องกับมุมมองที่เราเตือนให้ระวังแรงขายทำกำไรจาก 1) ความเสี่ยงการปรับลด GDP กระทบสินเชื่อ (ประมาณการล่าสุดของหลายสำนักวิจัยมอง GDP ไทยเติบโตเหลือ 1.4-1.5% จากคาดการณ์ก่อนหน้าที่ 2.4-2.9%) 2) แนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายปีนี้ 2-3 ครั้ง กดดันต่อส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) 3) ความเสี่ยงเรื่องภาษีการค้า ที่คาดกดดันเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง 4) หมดข่าวดีช่วงสั้นหลังการขึ้นเครื่องหมาย XD ในช่วงนี้ // จากความเสี่ยงของการปรับลดประมาณการกำไรของ SET ที่น่าจะเกิดตามมา ทำให้เรามองนักลงทุนอาจต้องเลือกหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัว หรืออยู่ในกลุ่มหุ้นปลอดภัยที่มีความเสี่ยงปรับประมาณการลงจำกัด อาทิ โรงไฟฟ้า


 

ภาพรวมกลยุทธ์ การไม่ผ่าน 1,555 และปรับตัวลงต่ำ 1,140 จุด ทำให้โมเมนตัมเก็งกำไรโดยภาพรวมแย่ลง ขณะที่ยังไม่มีความชัดเจนการเจรจาการค้า ทำให้ขาดความชัดเจน / อาจเลือกเก็งงบกลุ่มโรงไฟฟ้าที่จะดีมากในช่วงไตรมาส 2/68 / กลุ่มอาหารแนวโน้มผลประกอบการดี ขณะทางพื้นฐานยังระวังการลงทุนในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า โดยเฉพาะ กลุ่มอาหารที่มีรายได้จากสหรัฐฯ สูง และกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม

แนวรับ: 1,090-1,124 แนวต้าน : 1,155 จุด

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 50% vs พอร์ตหุ้น 50%

หุ้นแนะนำ  (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)

•    PLANB (6.70): ผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัว ขณะที่ราคาหุ้นปรับลดลงซื้อขายแถว 22x PER ต่ำสุดในรอบ 5 ปี ตัดขาดทุน 5 บาท
•    CK (18) : ราคาหุ้น Laggard STECON ขณะที่ธุรกิจอิงการใช้งบและปัจจัยในประเทศที่ไม่เกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกและ tariffs ตัดขาดทุน 14.80 บาท
•    RATCH (29) : กลุ่มโรงไฟฟ้ามีความเสี่ยงปรับลดประมาณการกำไรต่ำ ขณะที่ซื้อขายด้วย PER 7 เท่า และปันผล 6.5% ตัดขาดทุน 24 บาท
•    MTC (50) : กนง.อาจส่งสัญญาณผ่อนคลาย หรือปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในการประชุม 30 เม.ย. ตัดขาดทุน 40.50 บาท
 

ประเด็นที่น่าสนใจ 

-    “จีน” เตือนประเทศทั่วโลก ห้ามทำข้อตกลงการค้าที่กระทบผลประโยชน์จีน พร้อมขู่ตอบโต้ทันที
-    "จีน" ระงับสั่งซื้อถั่วเหลือง-ข้าวโพดจากสหรัฐ หันซื้อจากบราซิลแทน ส่งผลให้ความต้องการถั่วเหลืองบราซิลพุ่งสูงและกระทบราคาตลาดโลก
-    ส.ผู้ค้าปลีกไทย ส่งสัญญาณ H2/68 อ่วม รับแรงกระแทกภาษี "ทรัมป์"
-    CPF ปรับโครงสร้างใหญ่ ทุ่มเงิน 3.6 หมื่นล้าน ซื้อหุ้น CPP จาก ITOCHU
-    "MOSHI" เดินเกมรุกตลาดค้าปลีกในไตรมาส 1/68 ต่อเนื่อง หลังเปิดสาขาใหม่ครอบคลุมทั่วประเทศ
-    บทวิเคราะห์วันนี้ : KBANK คงคำแนะนำ ซื้อ แต่ปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 175 บาท/ KKP แนะนำ ถือ เป้า 48 บาท/ SCB แนะนำ ซื้อ ปรับเป้าลงเป็น 130 บาท 
 

 

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

23 เม.ย. –TH-US Trade Negotiation, US Manufacturing PMI, New Home Sales
24 เม.ย. – US Durable Goods Orders, Existing Home Sales

 

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ ปรับประมาณการ GDP โลกและไทยของ IMF คืนนี้