วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ NEO ประมาณการ 1Q68F: ไตรมาสที่ต่ำที่สุดของปี
คาดว่า NEO จะรายงานกำไรสุทธิใน 1Q68F ที่ 233 ล้านบาท (-13% YoY และ -3% QoQ) แม้ว่ารายได้จะดีขึ้นและการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นก็ตาม
แต่กำไรน่าจะลดลง YoY จากอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ลดลงเพราะต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้นเป็นหลัก ส่วนกำไรแผ่วลง QoQ น่าจะมาจากรายได้และมาร์จิ้นลดลง หากเป็นตามที่เราคาดกำไรสุทธิใน 1Q68F จะคิดเป็น 25% ของประมาณการกำไรทั้งปี 2568F ของเรา
รายได้เติบโต YoY จากทั้งตลาดในประเทศและการส่งออก
เราคาดว่ารายได้ใน 1Q68F จะโตต่อเนื่อง 5% YoY อยู่ที่ 2.6 พันล้านบาท จากยอดขายในประเทศสูงขึ้นและยอดขายจากการส่งออกฟื้นตัวแข็งแกร่ง แต่อาจชะลอตัวลง 3% QoQ จากปัจจัยฤดูกาล อย่างไรก็ดี เราคาดว่าการเติบโตนี้จะหนุนจากทั้งยอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลและกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น ผลจากราคาปาล์มน้ำมันพุ่งขึ้น (+40% YoY และ +22% QoQ ใน 4Q67) แต่ทว่า GPM น่าจะลดลง 4.2ppts YoY และ 1.1ppts QoQ อยู่ที่ 41.7% ใน 1Q68F โดยที่ GPM ใน 1Q68F ก็ยังคงสูงกว่าประมาณการก่อนหน้านี้ของเราที่ 40-41% ในขณะเดียวกัน เราคาดว่าสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ต่อยอดขายใน 1Q68F น่าจะลดลงอยู่ที่ 30.3% (-1.2ppts YoY และ -0.7ppts QoQ) ผลจากการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพขึ้นท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย ซึ่งยังต่ำกว่าเป้าหมายสัดส่วน SG&A ต่อยอดขายปี 2568F ของเราที่ 31.3%
คาดว่ากำไรจะเติบโต QoQ ใน 2Q68F – 4Q68F
หากอิงจากแนวโน้มราคาปาล์มน้ำมันมาเลเซีย (Figure 4) เราเชื่อว่าราคาได้ไปแตะที่จุดสูงสุดแล้วใน 4Q67 โดยอาจจะลดลง 7% QoQ ใน 1Q68 ในระยะถัดไป เราคาดกำไรรายไตรมาสจะเติบโตในช่วงที่เหลือของปีนี้ หนุนจาก i) GPM ปรับตัวดีขึ้นจากต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง และ ii) รายได้สูงขึ้นจากการส่งออกเติบโตดีและตลาดกลุ่มพรีเมียมแมส (premium mass) มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น
Valuation & action
เรายังคงราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 37.00 บาท (อิงจาก PER ที่ 12x) พร้อมคำแนะนำ “ซื้อ” NEO ทั้งนี้ จาก
การวิเคราะห์ของเราพบว่าการเปลี่ยนแปลงของอัตรากำไรขั้นต้นทุก ๆ 1ppts จะกระทบต่อกำไรของ NEO ราว 9% ในทิศทางเดียวกัน
Risks
ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว การแข่งขันสูงขึ้น การเปลี่ยนแปลงความชอบของลูกค้า
