วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก Sideway

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก Sideway

วันศุกร์ที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อนไหว Sideway Up โดยมีแรงหนุนจาก “ทรัมป์” ปธน.สหรัฐ เผยว่ามีความลังเล ที่จะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนอีก มีแรงซื้อนำโดยหุ้นกลุ่มพลังงาน

จากราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้น ตามด้วยแรงซื้อในหุ้นกลุ่มไอซีที อิเล็กทรอนิกส์ และค้าปลีก ขณะที่มีแรงขายมากนำโดยหุ้นกลุ่มธนาคาร ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,125.21 จุด +9.67 จุด +0.85% มูลค่าการซื้อขาย 27,673.54 ลบ. (ในสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนี +22.29 จุด +1.97%) Program Trading -1,026.33 ลบ. ต่างชาติ -1,336.03 ลบ. TFEX +15,242 สัญญา ตราสารหนี้ -568.07 ลบ.

ปัจจัยบวก    

+/- ตลาดหุ้น ตลาดน้ำมัน ตลาดทองค้า และตลาดเงินนิวอยร์ก ปิดทำการเนื่องในวัน Good Friday
+ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ แสดงความเชื่อมั่นอย่างเต็มที่ว่าสหรัฐฯ และ สหภาพยุโรป (EU) จะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าได้ภายในระยะเวลาผ่อนผัน 90 วัน ก่อนที่มาตรการภาษีนำเข้าจะมีผลบังคับใช้อีกครั้ง
+ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไต้หวัน กำลังพิจารณาลงทุนในโครงการก๊าซธรรมชาติขนาดใหญ่ในรัฐอะแลสกาของสหรัฐฯ เพื่อพยายามบรรลุข้อตกลงทางการค้าที่จะตอบสนองความต้องการของปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ และหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ
+ รัสเซียและยูเครนแลกเปลี่ยนเชลยศึกรวมกว่า 500 คน โดยมี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นคนกลาง
+ ธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปี เอาไว้ที่ระดับ 3.1% และคงอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปี ที่ระดับ 3.6% หลังจากทางการจีนเปิดเผย GDP ขยายตัว 5.4% ใน 1Q68 แข็งแกร่งกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัวราว 5.1%-5.2%

ปัจจัยลบ

- ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงลงกว่า 200 จุดในช่วงเช้าวันนี้บ่งชี้ว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กมีแนวโน้มปรับตัวลงต่อเนื่องในวันนี้ ท่ามกลางความ วิตกกังวลเกี่ยวกับมาตรการภาษีศุลกากร
- รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า สหรัฐฯ จะยุติความพยายามในการเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยเพื่อทำข้อตกลงสันติภาพระหว่างรัสเซียกับยูเครนหากยังไม่มีสัญญาณที่ชัดเจนว่าข้อตกลงดังกล่าวสามารถบรรลุได้จริง

 

- จีนรายงานว่า ยอดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในไตรมาส 1/2568 ลดลง 10.8% สู่ระดับ 2.692 แสนล้านหยวน (ประมาณ 3.735 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ)
- ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขาชิคาโกแสดงความเห็นเกี่ยวกับความเป็นองค์กรอิสระของเฟด หลังจากปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ แสดงความไม่พอใจต่อการดำเนินนโยบายการเงินของเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด และขู่ว่าจะปลดพาวเวลออกจากตำแหน่ง
- REIC เปิดเผยบทวิเคราะห์สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยในอีอีซี (EEC) 4Q67 และแนวโน้มปี 2568 พบว่ามียอดการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัย ในพื้นที่ EEC 4Q67 จำนวนหน่วยลดลง 0.8%YoY และมูลค่าลดลง 0.5%YoY ถือเป็นการติดลบลดลงจากการเร่งโอนกรรมสิทธิ์ก่อนสิ้นสุดมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ในวันที่ 31 ธ.ค. 2567

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาส Sideway ออกข้าง โดยนักลงทุนยังรอดูทิศทางของการเจรจาทางการค้าสหรัฐฯ ขณะที่ปัจจัยในประเทศติดตามผลประกอบการของหุ้นกลุ่ม BANK ที่ทยอยประกาศออกมา มองกรอบดัชนีในวันนี้ 1,140-1,160 จุด

กลยุทธ์การลงทุน  

• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากโครงการ TISA : CPALL SCB TISCO EGCO BDMS TU ADVANC
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก ThaiESG Extra : BBL BEM CPALL PTT TISCO
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว : HMPRO GLOBAL DOHOME SCGD TEAMG
• หุ้นที่ธปท.กำลังพิจารณาอนุมัติให้ประกอบธุรกิจ Virtual Bank : KTB ADVANC GULF OR SCB

 

 

หุ้นรายงานพิเศษ  

AU "ซื้อ" ราคาเหมาะสม 13.50 บาท มีอัพไซต์ 35%
"มุมมองเป็นกลางต่อแนวโน้มไตรมาสแรก
แต่มองบวกต่อแนวโน้มทั้งปี 68"

•คาดกำไร 1Q68 ราว 75 ลบ. +38%YoY -13%QoQ โดยหดตัว QoQ จากผลกระทบของการเข้าสู่ช่วงรอมฎอนในเดือน 1-31 มี.ค. 68 ซึ่งส่วนใหญ่กระทบต่อสาขาในภาคใต้ ทั้งจากคนในพื้นที่และชาวมาเลเซีย ส่งผลให้ SSSG ภาพรวมเป็นลบ 2-3% อย่างไรก็ตาม คาดกำไรยังคงเติบโต YoY จากการจำหน่ายสินค้าในร้าน 7-Eleven ที่เริ่มตั้งแต่เดือน ก.ค.67 และการเป็น Partner กับสายการบินไทยซึ่งมีสัญญาตั้งแต่ 1 ต.ค.67 แต่คาดแนวโน้ม %GPM ปรับลดลงสู่ 63.7% (1Q67 = 66.5%, 4Q67 = 64.5%) จากสัดส่วนการขายสินค้าหน้าร้านที่ลดลง แต่มีสัดส่วนรายได้ในร้าน 7-Eleven เพิ่มขึ้น

ความเห็น เรามีมุมมองเป็นกลางต่อแนวโน้มกำไร 1Q68 ที่คาดอ่อนลง QoQ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีมุมมองบวกต่อแนวโน้มทั้งปี 68 จาก 1) แผนขยายสาขาร้าน After You 5-6 แห่ง 2) การขยายกำลังการผลิตเพื่อจำหน่ายสินค้าให้ครอบคลุมร้าน 7-Eleven ทุก 1.5 หมื่นสาขา 3) การวางจำหน่ายสินค้าในร้าน 7-Eleven ที่เป็น Categories ใหม่เพิ่มเติม 4) การเปิดร้าน After You ที่เป็น Franchise ในต่างประเทศอีก 1-2 แห่ง โดยเราคาดกำไรปี 68 ราว 327 ลบ. +10%YoY และราคาเหมาะสม 13.50 บาท มีอัพไซต์ 35% แนะนำ "ซื้อ"

หุ้นมีข่าว

(+) KTB (Bloomberg consensus 25.50 บาท) เผยงบไตรมาส 1/2568 มีกำไรสุทธิ 11,714 ล้านบาท ชี้จัดการคุณภาพสินทรัพย์อย่างระมัดระวัง รักษาระดับ Coverage Ratio ในระดับสูง พร้อมช่วยเหลือลูกค้า แก้ไขปัญหาหนี้ เดินหน้าปี 2568 มุ่งเน้นการเพิ่มรายได้ ลดต้นทุน บริหารจัดการความเสี่ยงจากคุณภาพสินเชื่อ ต่อยอดแพลตฟอร์มเดิมและการเปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่สร้างการเติบโตในอนาคต (ที่มา ทันหุ้น)

(+) COM7 (ราคาเหมาะสม 29.00 บาท) เผยมาตรการทางภาษีระหว่างสหรัฐ-จีน ไม่ส่งผลต่อบริษัทที่นำเข้าสินค้า Apple จากจีน มั่นใจผลงานไตรมาส 1-2/2568 โตต่อเนื่อง หนุนเป้าทั้งปี 2568 โต 10% พร้อมลุยธุรกิจเมกะเทรนด์ โดยเฉพาะธุรกิจ Cloud ขยายผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่ม Solar Solution และตลาด TAXI EV (ที่มา ทันหุ้น)

(+) CH (Bloomberg consensus - บาท) รับมือภาษี "ทรัมป์" วางกลยุทธ์ระยะยาวเจรจาคู่ค้าเดิม ขยายตลาดใหม่ตามความต้องการบริโภคผลไม้แปรรูปคุณภาพสูง เล็งลงทุนต่างประเทศลดภาษี สร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งในเวทีโลก สร้างโอกาสเติบโต มั่นใจสินค้ามีคุณภาพ มีมาตรฐาน พร้อมรับทุกสถานการณ์ (ที่มา ทันหุ้น)

(+) TEGH (Bloomberg consensus 4.40 บาท) ประกาศแปรสภาพบริษัทย่อย "ไทยอีสเทิร์น ไบโอ พาวเวอร์ หรือ TEBP" เป็นบริษัท "มหาชน" เรียบร้อยแล้ว เตรียมความพร้อมเข้าตลาด mai เสริมทัพสร้างความแข็งแกร่งทางการเงิน และผลักดันการเติบโตในอนาคต (ที่มา ทันหุ้น)