วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ เก็งกำไรรายตัวยังเป็นบวกจากทิศทางเงินบาทที่แข็งค่า

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ตอบรับเชิงลบจากการที่เฟดยังไม่มีแนวคิดที่จะเข้ามาพยุงตลาด
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับลดลง หลังเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) เตือนว่า ความตึงเครียดทางการค้าอาจส่งผลกระทบต่อเป้าหมายด้านการจ้างงานและเงินเฟ้อของเฟด รวมถึงส่งสัญญาณว่าเฟดยังไม่มีแผนจะดำเนินการใด ๆ เร็ว ๆ นี้เพื่อตอบโต้ความไม่แน่นอนจากนโยบายภาษีของทรัมป์ สร้างความผิดหวังต่อนักลงทุนที่คาดหวังว่าเฟดจะเข้ามาช่วยบรรเทาความเสี่ยงจากตลาด โดยหุ้นสหรัฐฯ ยังถูกกดดันเพิ่มเติมจากการที่ทำเนียบขาวออกมาตรการใหม่ จำกัดการส่งออกชิปของ Nvidia ไปยังจีน
ข่าวจีนพร้อมเจรจาอาจเป็นบวกช่วงสั้น ขณะที่ภาพระยะยาวยังเสี่ยงจาก ยุทธศาสตร์ในการปิดล้อมจีน: มีรายงานข่าวว่าจีนพร้อมเจรจากับสหรัฐฯ หากทำเนียบขาวแสดงท่าทีให้ความเคารพกับการเจรจา ซึ่งอาจจะช่วยจำกัดความเสี่ยงระยะสั้น หรือทำให้ตลาดผ่อนคลาย อย่างไรก็ตามภาพการค้าโลกระยะยาวยังอยู่ในความเสี่ยงจากยุทธศาสตร์ปิดล้อมจีนของสหรัฐฯ จากรายงานว่ารัฐบาลทรัมป์กำลังเตรียมใช้แรงกดดันต่อประเทศต่าง ๆ ที่ต้องการลดหรือขอยกเว้นภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ โดยแลกเปลี่ยนกับการที่ประเทศเหล่านั้นต้องจำกัดการค้ากับจีน เพื่อป้องกันไม่ให้จีนหาทางเลี่ยงภาษีของสหรัฐฯ ได้สำเร็จ
องค์การค้าโลกปรับลดคาดการณ์การค้าโลกปี 68 เหลือ -0.2% จากเดิม +2.9%: โดยคาดการค้าโลกจะลดลงแรงในภูมิภาคอเมริกาเหนือ ที่คาดว่าจะลดลง -12.6% อย่างไรก็ตามความเสี่ยงทางลงที่สำคัญมาจากการใช้ภาษีการค้าตอบโต้ (Reciprocal tariffs) ที่อาจทำให้การค้าโลกหดตัวถึง -1.5% ซึ่งจะกระทบกับประเทศที่ถึงพิงการส่งออกสูง
ภาพรวมกลยุทธ์ มีโอกาสเห็นแรงเก็งกำไรเชิงบวกในหุ้นรายตัว จากแรงซื้อกระจายความเสี่ยงและเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น/ การเก็ง กนง. อาจลดดอกเบี้ยในการประชุม 30 เม.ย. / เก็งงบกลุ่มโรงไฟฟ้าที่จะดีมากในช่วงไตรมาส 2/68
อย่างไรก็ตามอาจผันผวนจากแรงขายทำกำไรกลุ่มธนาคารจากการขึ้นเครื่องหมาย XD ในช่วง 2 สัปดาห์นี้ ขณะทางพื้นฐานยังระวังการลงทุนในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า โดยเฉพาะ กลุ่มอาหารที่มีรายได้จากสหรัฐฯ สูง และกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม
แนวรับ: 1,122 แนวต้าน : 1,155 จุด
สัดส่วนลงทุน: เงินสด 50% vs พอร์ตหุ้น 50%
หุ้นแนะนำ (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)
• RATCH (29) : กลุ่มโรงไฟฟ้ามีความเสี่ยงปรับลดประมาณการกำไรต่ำ ขณะที่ซื้อขายด้วย PER 7 เท่า และปันผล 6.5% ตัดขาดทุน 24 บาท
• MTC (50) : กนง.อาจส่งสัญญาณผ่อนคลาย หรือปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในการประชุม 30 เม.ย. ตัดขาดทุน 40.50 บาท
• STGT (9) : ถุงมือยางและถุงมือทางการแพทย์ไทย มีโอกาสได้ประโยชน์จากการขึ้นภาษีสินค้าจีนในอัตราที่สูง ตัดขาดทุน 7.00 บาท
• HANA (20): ระยะสั้นบวกจาอการผ่อนปรนการเก็บภาษีสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ขณะที่ระยะกลางมีโอกาสได้ผลบวกจากการสกัดกั้นสินค้าจีนของสหรัฐฯ ตัดขาดทุน 14 บาท
ประเด็นที่น่าสนใจ
- เฟดเผยแบบจำลอง GDPNow บ่งชี้ GDP สหรัฐหดตัว -2.2% ใน Q1/68
- สหรัฐเผยยอดค้าปลีก +1.4% เดือนมี.ค. สูงกว่าคาดการณ์
- “จีน” ยอมเปิดโต๊ะเจรจา หาก “สหรัฐ” ยอมรับ 4 เงื่อนไขสำคัญ
- ผู้ว่าฯ BOJ ส่งสัญญาณอาจต้องปรับนโยบาย หากภาษีทรัมป์กระทบเศรษฐกิจ
- คลัง-ธปท.จับตาใกล้ชิดผลกระทบภาษีทรัมป์ จ่อดูแลสภาพคล่องผู้ส่งออก
- ฝ่ายค้านเล็งยื่น ป.ป.ช.ฟันนายกฯ ขยายผล 3 ประเด็นร้อนจากศึกซักฟอก
- รมว. คลังระบุได้ชื่อผู้ผ่านเกณฑ์ Virtual Bank แล้ว 3 ราย 1) KTB (ร่วมกับ Gulf, AIS, PTT) 2) SCB (ร่วมกับ KakaoBank & WeBank) 3) Ascend Money (CP Group)
- บทวิเคราะห์วันนี้ : กลุ่ม Utilities แนะนำ OVERWEIGHT โดย Top Picks คือ GULF และ RATCH/ บทวิเคราะห์ DELTA แนะนำ ขาย โดยปรับลดราคาเป้าหมายลงเป็น 50 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
17 เม.ย. - ECB Interest rate decision
18 เม.ย. – CN Loan Prime Rate
19 เม.ย. –JP Inflation Rate (Mar)







