วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก Sideway

วันพุธที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ตามทิศทางตลาดหุ้นในภูมิภาคปรับตัวลงในแดนลบ จากความกังวลในความไม่แน่นอนของสงครามการค้า
แต่มีแรงซื้อในช่วงบ่ายจากข่าวจีนอาจมีการเจรจา ทางการค้ากับทางสหรัฐ โดยมีแรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงาน ขนส่ง มีแรงขายในหุ้นกลุ่มธนาคาร ส่วนหนึ่งเกิดจาก การขึ้น XD กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,138.90 จุด +10.24 จุด +0.91% มูลค่าการซื้อขาย 41,200.11 ลบ. Program Trading +846.20 ลบ. ต่างชาติ +655.59 ลบ. TFEX -2,164 สัญญา ตราสารหนี้ +13,148.88 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดเพิ่มขึ้น 1.14 ดอลลาร์ หรือ +1.86% ปิดที่ 62.47 ดอลลาร์/บาร์เรล ได้แรงหนุนจากคาดการณ์อุปทานน้ำมัน ในตลาดโลกจะเผชิญภาวะตึงตัว หลังจากสหรัฐฯ ออกมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ที่มุ่งเป้าไปที่การส่งออกน้ำมันของอิหร่าน
+ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 1 จุด สู่ระดับ 40 ในเดือนเม.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 38 แต่ดัชนียังคงปรับตัวต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงมุมมองทั่วไปที่เป็นลบ
+ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้พบปะกับคณะผู้แทนญี่ปุ่นในกรุงวอชิงตันเพื่อหารือเรื่องภาษีศุลกากร และระบุว่ามี "ความก้าวหน้าครั้งใหญ่"
ปัจจัยลบ
- ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 699.57 จุด หรือ -1.73% หลังจาก เจอโรม พาวเวล ประธาน FED เตือนว่าการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มอ่อนแอลงเนื่องจากผลกระทบของมาตรการภาษีศุลกากร และการที่ Nvidia เปิดเผยว่าได้รับผลกระทบจากการที่รัฐบาลสหรัฐฯ จำกัดการส่งออกชิปไปยังประเทศจีน
- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ สั่งเริ่มการสอบสวนเกี่ยวกับความจำเป็นในการเก็บภาษีนำเข้าสินแร่ที่มีความสำคัญต่อความมั่นคง ซึ่งขยายวงกว้างและพุ่งเป้าไปยังภาคส่วนสำคัญของเศรษฐกิจโลก
- สโคป (Scope) สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือของยุโรป เตือนว่า สหรัฐฯ อาจถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือ หากสงครามการค้าที่ยืดเยื้อ บั่นทอนความเชื่อมั่นระยะยาวในค่าเงินดอลลาร์ หรือหากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ใช้มาตรการที่รุนแรงยิ่งขึ้น เช่น การควบคุมเงินทุน
- บรรดาธุรกิจขนาดเล็กของสหรัฐฯ รวมตัวกันฟ้องร้องรัฐบาลสหรัฐฯ ที่เรียกเก็บภาษีศุลกากรฝ่ายเดียวซึ่งประกาศใช้เมื่อวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยระบุว่า คณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่มีอำนาจ ในการเรียกเก็บภาษีศุลกากรทั่วโลกโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา
- ธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ หดตัว -2.2% ใน 1Q68 จากคาดการณ์ครั้งก่อนเมื่อ 19 ก.พ. GDPNow คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัว +2.3%
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้ยังแกว่งตัวผันผวนในลักษณะ Sideway ออกข้าง โดยมีแรงกดดันจากประธานเฟด เตือนว่าการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มอ่อนแอลงเนื่องจากผลกระทบของมาตรการภาษีศุลกากร ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวขึ้น ช่วยพยุงหุ้นกลุ่มพลังงาน มองกรอบดัชนีในวันนี้ 1,130-1,145 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากโครงการ TISA : CPALL SCB TISCO EGCO BDMS TU ADVANC
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก ThaiESG Extra : BBL BEM CPALL PTT TISCO
• หุ้นที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว : ANAN ORI NOBLE ITD TIPH TVH
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว : HMPRO GLOBAL DOHOME SCGD TEAMG
หุ้นรายงานพิเศษ
TISCO "ถือ" ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 98 บาท
"แนวโน้มกำไรในงวด 1Q68 -7%YoY -5%QoQ"
•Consensus คาดกำไรในงวด 1Q68 เฉลี่ย 1,609 ล้านบาท -7%YoY -5%QoQ จากผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า ยอดขายรถยนต์ในประเทศที่หดตัว และภาระหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ยอดขายรถยนต์ ในประเทศในปี 68 อาจเหลือ 5.3 แสนคัน หดตัว 7.5%YoY จากปัญหาเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อการปล่อยสินเชื่อที่มีอยู่เดิม ผนวกปัญหาใหม่ทั้งแผ่นดินไหวและการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯที่กระทบรายได้หลักของไทย
•ปลายเดือนก.พ. 68 TISCO มีสินเชื่อสุทธิคงค้าง 2.26 แสนล้านบาท +0.18%YTD พลิกจากหดตัว 1.1%YoY ณ ปลายปี 67 จากการเติบโตของสินเชื่อในทุกกลุ่มธุรกิจต่อเนื่องจาก 4Q67 ทั้งนี้ สินเชื่อสุทธิ +0.5%MoM -0.6%YoY
•ความเห็น ฝ่ายวิจัยมีมุมมองเป็นกลางต่อผลการดำเนินงานในปีนี้ที่มีโอกาสหดตัวเล็กน้อย จาก Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 68 เฉลี่ย 6.6 พันล้านบาท -5%YoY ขณะที่ราคาหุ้นซื้อขายที่ระดับ PBV 1.84x สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ระดับ 0.64x ประกอบกับ IAA consensus คาดอัตราผลตอบแทนเงินปันผลเฉลี่ย 8% ต่อปีซึ่งอยู่ในระดับสูงน่าสนใจถือลงทุนระยะยาว รอรับเงินปันผล บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลงวดปี 67 หุ้นละ 5.75 บาท yield 5.8% XD 25 เม.ย. วันจ่าย 16 พ.ค. แนะนำ “ถือ”
หุ้นมีข่าว
(+) M (Bloomberg consensus 23.00 บาท) ปรับกลยุทธ์การตลาดเชิงรุกรักษาส่วนแบ่งตลาด 3 แบรนด์หลัก เอ็มเค ยาโยอิ แหลมเจริญ แบรนด์ใหม่ ฮิคินิโดะ หลังกระแสตอบรับดีเตรียมขยายสาขาควบคู่ทั้งในไทย มาเลเซีย ด้านต้นทุนวัตถุดิบหลักยังทรงตัว มั่นใจบริหารจัดการต้นทุน รักษามาร์จิ้นทั้งปี 2568 เติบโตต่อเนื่อง (ที่มา ทันหุ้น)
(+) SAWAD (Bloomberg consensus 38.00 บาท) เผยจากกำลังซื้อในประเทศส่งสัญญาณชะลอ หนุนมีดีมานด์ขอสินเชื่อระยะสั้นเร่งตัวขึ้นอย่างมีนัย เชื่อดันพอร์ตในช่วงครึ่งปีแรกโตเด่น YoY มั่นใจคุม NPL อยู่ในระดับ 3.5% แจงอยู่ระหว่างพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ขายประกัน หวังมีสัดส่วนรายได้แตะ 10% ในอนาคต ยันฐานะการเงินแกร่ง (ที่มา ทันหุ้น)
(+) PTTEP (ราคาเหมาะสม 140.00 บาท) ควักงบ 35 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณกว่า 1,100 ล้านบาท) เพิ่มสัดส่วนลงทุนโครงการสินภูฮ่อมเป็น 90% จากเดิมที่ 80.487% สอดคล้องกับพันธกิจของบริษัทในการสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน เพิ่มปริมาณการผลิตและปริมาณสำรองปิโตรเลียมเสริมแกร่งการเติบโตในอนาคต (ที่มา ทันหุ้น)
(+) READY (Bloomberg consensus - บาท) เดินตามแผนมุ่งเพิ่มลูกค้าแบบสมาชิกทั้งรายเดือนและรายปี รับรีเคอริ่งอินคัม แย้มธุรกิจระบบจองโรงแรมไปได้สวยรับไฮซีซันไตรมาส 1/2568 มั่นใจรายได้ปีนี้เติบโต 10% รุกแพลตฟอร์ม All in One Sales and Marketing และพัฒนา AI (ที่มา ทันหุ้น)







