กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ : บล.เคจีไอฯ มีโอกาสรีบาวนด์ ตามโอกาสการเจรจาการค้าที่ดูดีขึ้น

กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ : บล.เคจีไอฯ มีโอกาสรีบาวนด์ ตามโอกาสการเจรจาการค้าที่ดูดีขึ้น

ตลาดน่าจะฟื้นตัวได้จากความหวังเรื่องการเจรจาการค้า แต่จะยังผันผวนแรง ในสัปดาห์ที่แล้ว (8 – 11 เมษายน) ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวแรง

ก่อนที่จะดีดตัวกลับขึ้นมาอย่างแข็งแกร่งในช่วงปลายสัปดาห์เพราะปัจจัยดังต่อไปนี้

ปัจจัยแรก ประธานาธิบดี Trump ปรับลดอัตราภาษีต่างตอบแทนของประเทศส่วนใหญ่ ยกเว้นจีน ลงแบบเหนือความคาดหมายเหลือเพียง 10% เพื่อเปิดทางสำหรับการเจรจาทางการค้าในอีก 90 วันข้างหน้า

ปัจจัยที่สอง นักลงทุนระยะยาวหลายรายเริ่มมองว่ามูลค่าหุ้นในตลาดไทยน่าสนใจ หลังจากที่ดัชนี SETขยับลงมาต่ำกว่า -2.0S.D. ของช่วง valuation ระยะยาวในเชิง forward PE

สำหรับสัปดาห์นี้ (16-18 เมษายน) เราคาดว่าดัชนี SET จะฟื้นตัวได้อีก แต่นักลงทุนควรเตรียมตัว สำหรับความผันผวนด้วย โดยปัจจัยที่จะกระทบตลาดมีดังนี้

ปัจจัยแรก ในช่วงวันหยุดสงกรานต์ ประธานาธิบดี Trump สร้างความประหลาดใจอีกครั้งด้วยการยกเว้นภาษีนำเข้า chips, คอมพิวเตอร์ และ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค ส่งผลให้ตลาดที่เน้นหุ้นเทคโนโลยีขยับขึ้นมาอย่างแข็งแกร่งในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ซึ่งจะส่งผลดีกับหุ้นที่มีน้ำหนักกับตลาดมากอย่าง DELTA*

ปัจจัยที่สอง นักลงทุนน่าจะมีความหวังมากขึ้นกับการเจรจาการค้าระหว่างประเทศไทย และ สหรัฐ เพราะทีมของประเทศไทยกำลังจะเดินไปสหรัฐในเดือนเมษายนเพื่อหารือกับเจ้าหน้าที่การค้าของสหรัฐว่าทำอย่างไรจึงจะให้อัตราภาษีต่างตอบแทนของประเทศไทยต่ำกว่า 36%

ติดตามมาตรการภาษีของ Trump, การเจรจาการค้าระหว่างไทย-สหรัฐ และ ผลประกอบการ 1Q68 ของกลุ่มธนาคารไทย

ปัจจัยต่างประเทศ: นักลงทุนควรติดตาม i) มาตรการภาษีของ Trump โดยเฉพาะในส่วนที่เก็บจากจีน ซึ่งจนถึงขณะนี้ ทั้งสองฝ่ายยังไม่มีสัญญาณถอย และ ii) การรายงานตัวเลข GDP 1Q68 ของจีนในวันที่ 16 เมษายน ซึ่ง Consensus คาดว่า GDP จะโต 5.2% YoY จาก 5.4% YoY ใน 4Q67

 

 

ปัจจัยในประเทศ: นักลงทุนควรติดตาม i) ผลประกอบการ 1Q68 ของกลุ่มธนาคาร ซึ่งตามกำหนดการที่นักวิเคราะห์ของเรามี ธนาคารแรกที่จะเริ่มประกาศผลประกอบการคือ TISCO* ในวันที่ 17 เมษายน ii) ความคืบหน้าของการเจรจาทางการค้าระหว่างประเทศไทย และ สหรัฐซึ่งจะเริ่มในสัปดาห์นี้

ในระยะสั้น หุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์, ส่งออก และ F&B น่าจะ outperform

เนื่องจากมีการเลื่อนบังคับใช้อัตราภาษีนำเข้าเต็มรูปแบบออกไป 90 วัน และ มีการยกเว้นภาษีนำเข้า chips และ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค เราคาดว่าหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ของไทยน่าจะดีดตัวขึ้น และ เป็นโอกาสให้เข้าเก็งกำไรได้ นอกจากนี้ หุ้นที่มีการส่งออกไปยังสหรัฐอย่างเช่น ITC* และ TU* ยังน่าจะได้อานิสงส์จากภาวะตลาดที่เป็นบวกด้วย ในขณะเดียวกัน อาจมีการนำเข้า soft commodities จากสหรัฐอย่างเช่นข้าวโพด และ ถั่วเหลืองเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อกลุ่มแปรรูปเนื้อสัตว์ อย่างเช่น BTG*, TFG* และ CPF* ทั้งนี้ นักลงทุนควรติดตามการตอบรับของตลาดหลังจากที่ SET กลับมาเปิดให้ทำธุรกรรม short sell ได้อีกครั้ง เฉพาะหุ้นในดัชนี SET100 โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน