วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ คาด Relief rally สนับสนุนมุมมอง SET

สหรัฐฯ ประกาศพักการเก็บภาษีการค้าตอบโต้เป็นเวลา 90 วัน ยกเว้นประเทศจีน ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง ทั้ง DJIA (7.87%), S&P500 (9.52%) และ Nasdaq (12.16%)
ทั้งนี้ S&P500 ฟื้นตัวภายในวันเดียวสูงสุดเป็นลำดับที่ 6 นับจากสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศพักใช้มาตรการเก็บภาษีนำเข้าตอบโต้ (reciprocal tariffs) จากหลายประเทศและสหภาพยุโรปเป็นเวลา 90 วัน อย่างไรก็ตามยังคงเดินหน้าขึ้นภาษีการค้ากับจีนเป็น 125% หลังจีนมีการขึ้นภาษีต่อเนื่องเพื่อตอบโต้อัตราภาษีของสหรัฐฯ
ทรัมป์อาจไม่ได้ถอย แต่แค่ได้สิ่งที่อยากจะได้ในระดับหนึ่ง และมีโอกาสได้รับเพิ่มจากการต่อรองในช่วง 90 วันนี้: ในมุมมองของเราและจากการศึกษาถึงวิธีการเจรจาต่อรองในอดีตของทรัมป์ เรามองว่าทรัมป์ไม่ได้ถอย แต่ประสบความสำเร็จในดีลการขึ้นภาษีนำเข้า 10% กับทุกประเทศได้โดยที่มีแรงต่อต้านจากคู่ค้าน้อยมาก (หลังปรับลดอัตราภาษีตอบโต้ลงจาก 30-49% เหลือเพียง 10%) ขณะที่การ “พักใช้” มาตรการภาษีตอบโต้ ทำให้สหรัฐฯ มีโอกาสต่อรองเพิ่มเติมกับประเทศต่างๆถึงเงื่อนไขอื่นๆ ซึ่งอาจรวมไปถึงการกดดันการส่งออกในลักษณะสวมสิทธิ์หรือมีต้นทางมาจากจีน
ตลาดหุ้นไทยและหุ้นโลกมีโอกาสเกิด relief rally ซึ่งจะสนับสนุนมุมมองของเราที่ประเมินตลาดมีโอกาสฟื้นตัวจากภาวะขายมากเกินตั้งแต่วานนี้ (9 เม.ย.): ด้วยบรรยากาศระยะสั้นที่ผ่อนคลายมากขึ้น ทำให้หุ้นไทยมีโอกาสฟื้นตัว สอดคล้องกับที่เราประเมินวานนี้ว่าตลาดมีโอกาสฟื้นจากภาวะขายมากเกิน ทั้งนี้หุ้นไทยปรับลดลง -7.21% (3-9 เม.ย.) โดยกลุ่มที่ลงหนักสุดคือ บันเทิง (-18%), อิเล็กทรอนิกส์ (-11%), ประกัน (-11%), ปิโตรเคมี (-10%), อสังหาริมทรัพย์ (-9%) โดยหุ้นในกลุ่มที่ปรับลดลงมากสุดในกลุ่ม SET50 ได้แก่ VGI (-31%), WHA (-29%), PTTEP (-17%), CCET (-17%), TOP (-16%), GULF (-13%), TLI (-13%), CRC (-13%), GLOBAL (-13%), KTB (-13%) / หุ้นที่ปรับลดลงมากที่สุดในกลุ่ม SET100 ได้แก่ AMATA (-43%), VGI (-31%), WHA (-29%), ROJNA (-21%), SPRC (-21%), JMART (-19%),
SCJWD (-19%), AAV (-18%), PTTEP (-17%), CCET (-17%) ทำให้กลุ่มเหล่านี้อาจเป็น target ในการเก็งกำไร
ภาพรวมกลยุทธ์ Relief rally และฟื้นจากภาวะขายมากเกิน เก็งกำไรเน้นกลุ่มที่ปรับลดลงมาเยอะในช่วงหลังประกาศภาษีการค้าตอบโต้ โดยควรกำหนดจุดตัดขาดทุน ขณะที่ทางพื้นฐานการปรับตัวขึ้นเป็นจังหวะทยอยปรับลดการลงทุนในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า โดยเฉพาะอิเล็กทรอนิกส์, กลุ่มอาหารที่มีรายได้จากสหรัฐฯ สูง และกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม
แนวรับ: 1,080 แนวต้าน : 1,127-1,150 จุด
สัดส่วนลงทุน: เงินสด 50% vs พอร์ตหุ้น 50%
หุ้นแนะนำ (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)
• AMATA (15) : เก็งกำไร กลุ่มหุ้นลดลงมากสุดในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา และมีโอกาสฟื้นตัวหลังสหรัฐฯ ชะลอภาษีการค้าตอบโต้ ตัดขาดทุน 12 บาท
• JMART (10): เก็งกำไร กลุ่มหุ้นลดลงมากสุดในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา และมีโอกาสฟื้นตัวหลังสหรัฐฯ ชะลอภาษีการค้าตอบโต้ ตัดขาดทุน 6.70 บาท
• SJWD (6.60) : เก็งกำไร กลุ่มหุ้นลดลงมากสุดในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา และมีโอกาสฟื้นตัวหลังสหรัฐฯ ชะลอภาษีการค้าตอบโต้ ตัดขาดทุน 5.50 บาท
• CCET (5.70) : เก็งกำไร กลุ่มหุ้นลดลงมากสุดในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา และมีโอกาสฟื้นตัวหลังสหรัฐฯ ชะลอภาษีการค้าตอบโต้ ตัดขาดทุน 4.50 บาท
ประเด็นที่น่าสนใจ
- รมว.คลังสหรัฐ ขู่ "ถอดหุ้นจีน" ออกจากตลาดหุ้นสหรัฐ ท่ามกลางสงครามภาษี ชี้จีนควรกลับเข้าสู่โต๊ะเจรจา
- "จีน" ตอบโต้ "ทรัมป์" อีกระลอก ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ เป็น 84% จากเดิม 34% มีผลตั้งแต่ 10 เมษายน 2568
- BOE เตือนเสถียรภาพการเงินโลกสั่นคลอน เฮดจ์ฟันด์อังกฤษเผชิญ Margin Call หนัก หลังภาษีทรัมป์จุดชนวน
- ธนาคารกลางจีน ส่งสัญญาณถึงธนาคารรัฐ ชะลอซื้อดอลลาร์ พยุงหยวน
- บทวิเคราะห์วันนี้ : กลุ่ม Finance แนะนำ OVERWEIGHT โดย Top Pick คือ MTC/ AEONTS แนะนำ ซื้อ พร้อมปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 152 บาท/ MENA แนะนำ ซื้อ เป้า 1.20 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
10 เม.ย. – FOMC Minutes, US CPI, TH Consumer Confidence, CN CPI







