วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก ทรัมป์ เลื่อนเก็บภาษี

วันพุธที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อนไหวผันผวน โดยช่วงเช้าดัชนีปรับตัวลงต่ำสุดราว 8 จุด จากความกังวล สงครามการค้า โดยวันนี้สหรัฐเริ่มใช้มาตรการภาษีตอบโต้กับทุกประเทศ
อย่างไรก็ตามดัชนีรีบาวนด์ในช่วงบ่าย เนื่องจากนักลงทุน ตอบรับข่าวการปรับขึ้นภาษีของสหรัฐไปแล้ว มีแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นกลุ่ม พลังงาน ค้าปลีก และธนาคาร ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,088.18 จุด +13.59 จุด +1.26% มูลค่าการซื้อขาย 50,884.78 ลบ. Program Trading +896.66 ลบ. ต่างชาติ +410.53 ลบ. TFEX +33,124 สัญญา ตราสารหนี้ -1,042.57 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 2,962.86 จุด หรือ +7.87% หลังจากปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศระงับการบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) เป็นเวลา 90 วันซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ
+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดเพิ่มขึ้น 2.77 ดอลลาร์ หรือ +4.65% ปิดที่ 62.35 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศระงับการบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ให้กับประเทศต่าง ๆ ยกเว้นจีนเป็นเวลา 90 วัน
+ รัฐบาลญี่ปุ่นและธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะจัดการประชุมฉุกเฉิน หลังจากตลาดหุ้นญี่ปุ่นดิ่งลงอย่างหนักภายหลังจากมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ ของสหรัฐฯ มีผลบังคับใช้
+ กระทรวงการคลัง เปิดเผยผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิช่วง 5 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 (ต.ค.2567-ก.พ.2568) ว่าจัดเก็บรายได้สุทธิ 996,458 ล้านบาท ใกล้เคียงกับประมาณการและใกล้เคียงกับช่วงเดียวกัน ของปีก่อน จากภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บจากการบริโภคในประเทศ การน่าส่งรายได้เหลื่อมปีของรัฐวิสาหกิจบางแห่ง และการนำส่งเงินส่วนเกินจาก การจำหน่ายพันธบัตรจากการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลสูงกว่าประมาณการ
ปัจจัยลบ
- ปธน.ทรัมป์ประกาศเพิ่มการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเป็น 125% จากเดิม 104% มีผลบังคับใช้ทันทีเพื่อตอบโต้จีนที่เพิ่มการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ เป็น 84% จากเดิม 34% โดยมีผลบังคับใช้ในวันพฤหัสบดีที่ 10 เม.ย.
- สำนักงานคณะกรรมการภาษีศุลกากรของสภาแห่งรัฐจีนประกาศเพิ่มการเรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ สู่ระดับ 84% จากเดิมที่ระดับ 34% มีผลบังคับใช้ 10 เม.ย.
- ธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ หดตัว -2.4% ใน 1Q68
- ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ประเมินว่าการท่องเที่ยวจะยังคงเป็น แรงขับเคลื่อนหลักของการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย แต่การบริโภคภาคเอกชนอาจชะลอตัวลง เนื่องจากภาระหนี้ครัวเรือนที่สูง ซึ่งส่วนหนึ่ง ถูกชดเชยด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและโครงการบรรเทาภาระหนี้ครัวเรือน ส่วนความเสี่ยงคือหนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูงทำให้การบริโภคชะลอตัว รวมทั้งความตึงเครียดทางการค้าโลกที่เพิ่มมากขึ้น
- ส.อ.ท.เปิดเผยว่าเอกชนกังวลสินค้าราคาถูกจากจีนทุ่มตลาด ฉุดขีดความสามารถในการแข่งขัน SME ไทย โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มอุปโภค-บริโภค แนะรัฐเพิ่มความเข้มงวดการบังคับใช้กฎหมาย
- ภาพรวมธุรกิจอสังหาฯซึมยาวจากกำลังซื้อไม่ฟื้น กู้ไม่ผ่านพุ่ง 45% ผลกระทบจากแผ่นดินไหวจุดเปลี่ยนตลาดหันมาสนใจบ้านเช่าและโครงการแนวราบ ชะลอพัฒนาตึกสูง จับตาหุ้นกู้ 1.2 แสนล้านบาทเสี่ยงผิดนัด
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นแรงตามทิศทางตลาดต่างประเทศ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศระงับการบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้เป็นเวลา 90 วัน ประกอบกับราคาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นแรง เป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน มองกรอบดัชนีในวันนี้ 1,080-1,150จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากโครงการ TISA : CPALL SCB TISCO EGCO BDMS TU ADVANC
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก ThaiESG Extra : BBL BEM CPALL PTT TISCO
• หุ้นที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว : ANAN ORI NOBLE ITD TIPH TVH
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว : HMPRO GLOBAL DOHOME SCGD TEAMG
หุ้นรายงานพิเศษ
SISB "ซื้อ" (Bloomberg consensus 33 บาท Upside 88%)
"แนวโน้มกำไร 1Q68 -2%QoQ +14%YoY"
•งวด 4Q67 บริษัทมีกำไรสุทธิ 245 ลบ. +12%QoQ +17%YoY โดยมีรายได้จากการ เก็บค่าธรรมเนียมการศึกษา +7%QoQ +13%YoY เนื่องจากบริษัทสามารถรับรู้รายได้ จากค่าธรรมเนียมการศึกษาปีการศึกษาใหม่ (ปี 67-68) ได้เต็มไตรมาส ประกอบกับการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมการศึกษาเฉลี่ย 4.7% เป็นปัจจัยหนุนผลประกอบการเพิ่มเติม โดยมีอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 38.5% เพิ่มขึ้นจาก 36.6% ใน 3Q67 และ 37.4% ใน 4Q66 ทั้งนี้กำไรสุทธิปี 67 เท่ากับ 885 ลบ. +35%YoY โดยมีสาขาใหม่ที่เริ่มเปิดให้บริการในปี 67 ได้แก่ สาขาเชียงใหม่เฟส 2 และสาขาธนบุรีเฟส 3.1
•ผู้บริหารตั้งเป้าจำนวนนักเรียนใหม่เพิ่มขึ้น 380 คน สู่ระดับ 5,000 คน ในปี 68 และเพิ่มอีก 600 คน สู่ระดับ 5,600 คน ในปี 69 สอดคล้องกับแผนการขยายสาขาที่ประชาอุทิศ เฟส 3 รองรับนักเรียน 600 ที่นั่ง (เปิดบริการ 1Q69) และโรงเรียนแห่งที่ 7 ในจังหวัดปทุมธานี รองรับนักเรียน 1,000 ที่นั่ง (เปิดบริการ 4Q69)
•ความเห็น เรามีมุมมอง Neutral ต่อผลประกอบการ 1Q68 โดยคาดว่าจะลดลงเล็กน้อย QoQ เนื่องจากมีการรับรู้รายได้จาก ปีการศึกษาใหม่ไปแล้วในช่วง 4Q67 อย่างไรก็ตามคาดว่าจะเติบโต YoY จากจำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน และการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมการศึกษา ขณะที่ในปี 68 คาดว่าสาขาระยองจะถึงจุด Breakeven ทั้งนี้ Bloomberg consensus คาดกำไร 1Q68 เฉลี่ย 241 ลบ. -2%QoQ +14%YoY และกำไรปี 68 เฉลี่ย 1,010 ลบ. +14%YoY ราคาเหมาะสม 33 บาท Upside 88% ราคาหุ้นซื้อขายที่ P/E 19X ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ระดับ 49X และยังมี upside เราจึงแนะนำ “ซื้อ”
หุ้นมีข่าว
(+) BCH (Bloomberg consensus 18.90 บาท) มั่นใจผลงานโค้งแรกเติบโตต่อเนื่อง เหตุฐานลูกค้าเงินสด "ไทย-ต่างประเทศ" เพิ่ม กลุ่มประกันสังคมเร่งตัวขึ้น ผลดีจากกระจายรายได้ครอบคลุมฐานคนไข้ทุกกลุ่ม ควบคู่ยกระดับเทคโนโลยีทางการแพทย์-ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง สร้างความเชื่อมั่น ปลื้มเกษมราษฎร์ เวียงจันทน์ เป็นศูนย์การแพทย์ตติยภูมิแห่งแรกในสปป.ลาว ดึงดูดจีนบินเข้ารักษาแน่น ด้านนักวิเคราะห์ แนะสะสม เหตุใกล้เข้าช่วงไฮซีซัน-ผันผวนน้อย (ที่มา ทันหุ้น)
(+) PTG (ราคาเหมาะสม 10.00 บาท) รับอานิสงส์หยุดยาวสงกรานต์ หนุนยอดเติมน้ำมันพุ่ง พร้อมปักธงปี 2568 ยอดขายน้ำมันทะยานตามเป้า 5-10% รับดีมานด์ขยายตัว แถมเดินหน้าขยายสถานีบริการน้ำมัน นอนออยล์ รวมถึงร้านกาแฟพันธุ์ไทยรับทรัพย์ต่อเนื่อง เติบโตระยะยาว (ที่มา ทันหุ้น)
(+) SPVI (Bloomberg consensus - บาท) จับตาภาษีทรัมป์กระทบราคา iPhone แนวโน้มผันผวน คาดไทยรับผลกระทบจำกัด ฟากผู้บริหารเตรียมแผนรับมือ พุ่งเป้าฐานลูกค้าเดิม อัดโปรแรง รุกขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์เต็มที่ พร้อมขยายตลาดแอนดรอยด์ (ที่มา ทันหุ้น)
(+) TEGH (Bloomberg consensus 4.40 บาท) มั่นใจผลงานครึ่งปีแรกโตตามแผน มีออเดอร์ตุนล่วงหน้าแล้ว พิษภาษีทรัมป์ไม่ครอบคลุมวัตถุดิบประเภทยางดิบ ขณะที่ทั้งปีมองดีมานด์-ซัพพลายยางพาราตลาดโลกสมดุลขึ้น คงเป้ากำลังผลิตปี 2568 เพิ่มเป็น 4.3 แสนตันในไตรมาส 3/2568 แต่เป้ารายได้ประเมินอีกทีครึ่งหลัง เร่งขายยางเกรด EUDR เพิ่มเป็น 40% เดินแผนดัน TEBP เข้าตลาดหุ้นไทย (ที่มา ทันหุ้น)







