วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก จับตามาตรการภาษีของสหรัฐฯ

วันอังคารที่ผ่านมาดัชนี Rebound จากนักลงทุนคลายความกังวลสถานการณ์แผ่นดินไหว มีแรงซื้อนำโดยหุ้นกลุ่มไอซีที จาก กสทช. เตรียมประมูลคลื่นใหม่
และหุ้นกลุ่มพลังงาน จากราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้น อีกทั้งมีแรงซื้อเพิ่มเติมในหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ขนส่ง และอสังหาฯ ขณะที่สัปดาห์นี้นักลงทุนจับตา การประกาศตัวเลขการจ้างงานสหรัฐ และถ้อยแถลงของประธานเฟด ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,168.02 จุด +9.93 จุด +0.86% มูลค่าการซื้อขาย 26,391.17 ลบ. Program Trading -217.74 ลบ. ต่างชาติ +1,450.20 ลบ. TFEX +20,672 สัญญา ตราสารหนี้ +1,259.04 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ และ ผู้นำอียิปต์ สนทนาทางโทรศัพท์หารือกันเกี่ยวกับความพยายามในการเป็นคนกลางเจรจาไกล่เกลี่ยเพื่อฟื้นฟูความสงบในภูมิภาค
+ สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายเดือน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้นเพียง 0.3% หลังจากลดลง 0.5% ในเดือนม.ค.
+ รมช.คลัง เปิดเผยว่าจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น โดยมีศูนย์กลางในประเทศเมียนมา ขณะนี้อาฟเตอร์ช็อกเกิดขึ้นน้อยมากแทบจะไม่กระทบไทย โดยรัฐมีหน้าที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เดินหน้า เพราะยังมีวงเงินเหลืออยู่ 150,000 ล้านบาท และหากมีความจำเป็นก็จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม เพื่อให้ GDP ทั้งปี 68 สู่ 3% ตามเป้าหมาย
+ ครม.รับทราบแนวทางการดำเนินโครงการบ้านเพื่อคนไทยระยะที่ 1 จำนวน 4 โครงการ โดยมีวัตถุประสงค์ในการนำที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) มาพัฒนาเป็นบ้านที่อยู่อาศัยเพื่อให้โอกาสประชาชน
+ก.คลังห่วงแผ่นดินไหวทำอสังหาริมทรัพย์ไทยสะเทือน เตรียมเร่งปลุกความเชื่อมั่น จ่อดัน ครม.พิจารณามาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอน-จดจำนอง
ปัจจัยลบ
- ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 11.80 จุด หรือ -0.03% ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน ขณะที่นักลงทุนจับตาการประกาศมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ในวันพุธที่ 2 เม.ย.ตามเวลาสหรัฐฯ
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 28 เซนต์ หรือ -0.39% ปิดที่ 71.20 ดอลลาร์/บาร์เรล ถูกกดดันจากความกังวลว่ามาตรการภาษีศุลกากรของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ จะส่งผลให้เกิดสงครามการค้าทั่วโลก ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ เพื่อประเมินแนวโน้มอุปสงค์น้ำมัน
- สหรัฐฯ เปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน ลดลง 194,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 7.57 ล้านตำแหน่งในเดือนก.พ. ต่ำกว่า ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 7.61 ล้านตำแหน่ง จากระดับ 7.76 ล้านตำแหน่ง ในเดือนม.ค. โดยตัวเลขการเปิดรับสมัครงานได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีศุลกากรของปธน.ทรัมป์
- ดัชนี PMI ภาคการผลิตปรับตัวลงสู่ระดับ 49.0 ในเดือนมี.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 49.5 จากระดับ 50.3 ในเดือนก.พ. โดยดัชนีที่อยู่ต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ถึงการหดตัวของภาคการผลิตสหรัฐฯ อันเนื่องมาจากผลกระทบจากการชะลอตัวของคำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงาน รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับมาตรการภาษีศุลกากรของปธน.ทรัมป์
- ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ หดตัว -3.7% ใน 1Q68 ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 19 ก.พ. GDPNow คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัว +2.3% ใน 1Q68กว่าค่าฐานเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน
- ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย ก.พ. 68 ชะลอ รับท่องเที่ยวแผ่ว-การลงทุนเอกชนชะลอ แม้ส่งออกโต 13.9%
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้ยังแกว่งตัวผันผวนระหว่างวัน โดยนักลงทุนจับตาการประกาศมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ของรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งมาตรการดังกล่าวอาจส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐฯชะลอตัว กรอบดัชนีวันนี้ที่ 1,160-1,175 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากโครงการ TISA : CPALL SCB TISCO EGCO BDMS TU ADVANC
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก ThaiESG Extra : BBL BEM CPALL PTT TISCO
• กรณี ธปท.ผ่อนปรนมาตรการ LTV แนะนำ top pick หุ้นที่อยู่อาศัย ได้แก่ AP LH SIRI SC SPALI QH
• ครม.เห็นชอบ. ร่าง พรบ. Entertainment Complex : VGI BTS PLANB
• หุ้นที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว : ANAN ORI NOBLE ITD TIPH TVH
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว : HMPRO GLOBAL DOHOME SCGD TEAMG
หุ้นรายงานพิเศษ
LTMH <mai / SERVICE>
ราคา IPO 5.00 บาท
ราคาเหมาะสม 6.60 บาท Consensus 6.60-7.40 บาท
**Globlex Securities เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ซึ่งจะได้รับค่าธรรมเนียมในฐานะผู้ร่วมจัดจำหน่าย
•บริษัท แอลทีเอ็มเอช จำกัด (มหาชน) หรือ “ลงทุนแมน” ประกอบธุรกิจ 2 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มธุรกิจสื่อและแพลตฟอร์มสื่อ (ออนไลน์) แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1.1 ธุรกิจสื่อออนไลน์ 1.2 ธุรกิจแพลตฟอร์มสื่อออนไลน์ 1.3 ธุรกิจให้บริการที่ปรึกษาด้านการตลาดออนไลน์แบบครบวงจร 2.ธุรกิจออฟไลน์ แบ่งออกเป็น 2 ธุรกิจ ได้แก่ 2.1 ธุรกิจการจัดงานอิเวนต์ (Event) 2.2 ธุรกิจการจำหน่ายหนังสือ
•ช่วงปี 65-67 บริษัทมีรายได้รวมจำนวน 174 ลบ. 226 ลบ. และ 232 ลบ. ตามลำดับ ปี 67 รายได้รวม +3%YoY สาเหตุหลักจากการเติบโตของรายได้ธุรกิจสื่อออนไลน์ (Online Midia) ซึ่งเป็นรายได้หลักคิดเป็นร้อยละ 75 ของรายได้รวม และมีการเติบโตร้อยละ 37 จากปีก่อนหน้า จากการเพิ่มจำนวนพนักงานขาย การติดตามยอดขาย และปรับกลยุทธ์การขายอย่างสม่ำเสมอ บริษัทมี %GPM ธุรกิจออนไลน์ที่ระดับ 49.3% 47.7% และ 54.5% ตามลำดับ ปี 67 บริษัทมี %GPM ปรับตัวเพิ่มขึ้น สาเหตุหลักจากการที่บริษัทฯ สามารถควบคุมต้นทุนธุรกิจออนไลน์ได้ดีขึ้น รวมทั้ง ลักษณะธุรกิจของบริษัทฯ มีต้นทุนส่วนใหญ่เป็นต้นทุนคงที่ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิเท่ากับ 31 38 และ 35 ลบ. ตามลำดับ เราคาดการณ์กำไรปี 68 ราว 55 ลบ. เติบโต 56%YoY จากคาดรายได้ที่ 300 ลบ. +29%YoY จากการเติบโตของธุรกิจสื่อออนไลน์ ที่เติบโตจากความต้องการใช้บริการ สื่อโฆษณาของลูกค้า รวมถึงการเพิ่มขึ้นของฐานลูกค้า มีสมมติฐาน %GPM ที่ปรับตัวขึ้นเป็น 57.6%
•ราคา IPO 5.00 บาท คิดเป็น Trailing PE ที่ระดับ 28x จำนวนหุ้น IPO 50 ล้านหุ้น วัตถุประสงค์ในการระดมทุน คือ 1) เพื่อใช้สำหรับการขยาย การดำเนินธุรกิจเทคโนโลยีบริหารความมั่งคั่ง (WealthTech) 2) ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน 3) ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน เราประเมินราคาเหมาะสม โดยอิง Prospective PE ที่ระดับ 24.2x เนื่องจากไม่มีบริษัทในตลาดฯ ที่ประกอบธุรกิจเช่นเดียวกับบริษัท LTMH จึงใช้หลักทรัพย์ที่ประกอบธุรกิจใกล้เคียงกับบริษัท (อุตสาหกรรมบริการ/หมวดธุรกิจสื่อและสิ่งพิมพ์) ในการอ้างอิงโดยใช้ค่าเฉลี่ย P/E Ratio ย้อนหลัง 2 ปีของ PLANB ที่ระดับ 32.0x และ ONEE ที่ระดับ 16.4x าประกอบกับคาดการณ์กำไรสุทธิต่อหุ้นปี 68 ราว 0.272 บาท/หุ้น คำนวณเป็น ราคาเหมาะสมเท่ากับ 6.60 บาท
หุ้นมีข่าว
(+) AOT (Bloomberg Consensus 55.00 บาท) โชว์สถิติเที่ยวบิน-ปริมาณผู้โดยสารช่วงเทศกาลสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 11-17 เมษายน 2568 เร่งตัวขึ้น 20.5% YoY และ 20.7% YoY ตามลำดับ ลั่นทุกท่าอากาศยานปลอดภัยตามมาตรฐานสากล พร้อมเดินหน้าสร้างการเติบโต รายได้ที่ไม่ใช่ กิจการการบิน เตรียมเปิดให้ภาคเอกชน นักลงทุนที่สนใจร่วมพัฒนาที่ดิน ทำเลศักยภาพรอบ 6 ท่าอากาศยานสิ้นเดือนเมษายนนี้ (ที่มา ทันหุ้น)
(+) KLINIQ (ราคาเหมาะสม 36.00 บาท) เผยเทรนด์คนไทย "สวยติดแกลม" มากที่สุดในโลก พร้อมบุกตลาดบริการการกำจัดขน รับการเติบโต 30% เปิดกลยุทธ์ Music Marketing แบบ "ลูกทุ่งติดแกลม" ชี้มีโอกาสเติบโตทางธุรกิจในกลุ่มบริการเพียบ (ที่มา ทันหุ้น)
(+) SSP (Bloomberg consensus 6.10 บาท) แย้มมีโครงการทยอย COD ต่อเนื่อง หนุนกำลังผลิตเพิ่ม ดันเป้าปี 2570 รายได้เติบโต 100% ส่วนปีนี้มองรายได้ ดีกว่าปีก่อน จ่อบุ๊กโครงการพลังงานลม "วินชัย" กำลังผลิต 45 เมกะวัตต์ เต็มสูบ แถมคอนเฟิร์มแผ่นดินไหวไม่กระทบโรงไฟฟ้าแต่อย่างใด (ที่มา ข่าวหุ้น)
(+) IP (Bloomberg consensus - บาท) ผนึกบริษัทจดทะเบียนฮ่องกง ผู้เชี่ยวชาญยาหยอดตา รับเป็นตัวแทนขายในไทย และรับจ้างผลิตส่งทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เริ่มรับรู้รายได้ปี 2570 อย่างน้อย 150 ล้านบาท และอีก 10 ปีคาดโตเป็น 1.5 พันล้านบาท ขณะเป้ารายได้รวมปีนี้โต 20% แย้มกาไรดีขึ้น ส่วนความคืบหน้าดัน 3 บริษัทในกลุ่มเข้า mai คาดระดมทุน "แล็บ ฟาร์มาซี" ได้ก่อน เป็นช่วงปลายปีนี้ (ที่มา ข่าวหุ้น)







