วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก ลุ้น Rebound

วันจันทร์ที่ผ่านมาดัชนีปรับตัวลง จากความกังวลสงครามการค้า โดยนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐเตรียมใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ในวันที่ 2 เม.ย.นี้
ประกอบกับตลาดได้รับ Sentiment เชิงลบจากสถานการณ์แผ่นดินไหว เป็นปัจจัยกดดันเพิ่มเติม มีแรงขายมากในหุ้นกลุ่ม Big-Cap นำโดย อิเล็กทรอนิกส์ ธนาคาร และอสังหาฯ ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,158.09 จุด -17.36 จุด -1.48% มูลค่าการซื้อขาย 40,260.73 ลบ. (ในเดือนที่ผ่านมาดัชนี -45.63 จุด -3.79% และไตรมาส 1/68 ที่ผ่านมาดัชนี -242.12 จุด -17.29%) Program Trading -2,690.55 ลบ. ต่างชาติ -1,487.41 ลบ. TFEX +24,910 สัญญา ตราสารหนี้ +5,195.72 ลบ
ปัจจัยบวก
+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 417.86 จุด หรือ +1% ฟื้นตัวหลังจากที่ ร่วงลงในระหว่างวัน อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาตลอดเดือนมี.ค.และตลอดทั้งไตรมาส 1/2568 ดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีปรับตัวลง ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ
+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดเพิ่มขึ้น 2.12 ดอลลาร์ หรือ +3.06% ปิดที่ 71.48 ดอลลาร์/บาร์เรล สูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 20 ก.พ. โดยได้แรงหนุนจากคาดการณ์อุปทานน้ำมันตลาดโลกจะเผชิญภาวะตึงตัวหากปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ โจมตีอิหร่าน และตัดสินใจเรียกเก็บภาษีศุลกากรจากประเทศที่ซื้อน้ำมันของรัสเซีย
+ เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ประกาศว่า อิสราเอลพร้อมเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้งในฉนวนกาซา หากกลุ่มฮามาสปลดอาวุธ และยอมยกเลิกการควบคุมฉนวนกาซา
+ กระทรวงการคลังจีนเตรียมออกพันธบัตรรัฐบาลพิเศษมูลค่า 5 แสนล้านหยวน (ประมาณ 6.97 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อเพิ่มเงินกองทุนชั้นที่ 1 ให้กับ 4 ธนาคารพาณิชย์รัฐวิสาหกิจรายใหญ่ของประเทศ
ปัจจัยลบ
- ปธน.ทรัมป์ประกาศว่าวันที่ 2 เม.ย.จะเป็นวันแห่งการปลดปล่อย (Liberation Day) ของสหรัฐฯ โดยรัฐบาลสหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ 25% รวมทั้งเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (reciprocal tariff) ต่อทุกประเทศทั่วโลก
- โกลด์แมน แซคส์ ปรับเพิ่มโอกาสที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเผชิญภาวะถดถอยเป็น 35% จากเดิม 20% พร้อมกับปรับลดเป้าหมายดัชนี S&P500 ในช่วงสิ้นปี 2568 ลงสู่ระดับ 5,700 จุด และคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้เพื่อรับมือกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ
- ธปท. เปิดเผยถึงภาวะเศรษฐกิจและการเงินเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ว่าค่อนข้างชะลอลงจากเดือนมกราคม เนื่องจากจำนวนและรายรับนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง ทั้งนี้ จานวนนักท่องเที่ยวในเดือนกุมภาพันธ์ 68 อยู่ที่ 3.1 ล้านคน ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 3.7 ล้านคน หรือลดลง 13.9%MoM
- สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการเอสเอ็มอี (SMESI) ประจำเดือนก.พ. 2568 ว่าปรับลดลงจากเดือนก่อนหน้าอย่างชัดเจนและต่ำกว่าค่าฐานเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาส Rebound ระยะสั้น หลังปรับตัวลงแรงจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว โดยมีแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงาน ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นแรง กรอบดัชนีวันนี้ที่ 1,150-1,170 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากโครงการ TISA : CPALL SCB TISCO EGCO BDMS TU ADVANC
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก ThaiESG Extra : BBL BEM CPALL PTT TISCO
• กรณี ธปท.ผ่อนปรนมาตรการ LTV แนะนำ top pick หุ้นที่อยู่อาศัย ได้แก่ AP LH SIRI SC SPALI QH
• ครม.เห็นชอบ. ร่าง พรบ. Entertainment Complex : VGI BTS PLANB
• หุ้นที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว : ANAN ORI NOBLE ITD TIPH TVH
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว : HMPRO GLOBAL DOHOME SCGD TEAMG
หุ้นรายงานพิเศษ
MPJ "ถือ" (Bloomberg consensus - บาท)
"คาดปี 2568 เติบโตต่อเนื่อง"
•ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 2568 ที่ 1.24 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% YoY โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก 1) การขยายลานกองตู้คอนเทนเนอร์ 2 แห่ง ที่แหลมฉบัง (คาดว่าจะแล้วเสร็จไตรมาส 3 ปี 2568) และลาดกระบัง (คาดว่าจะแล้วเสร็จไตรมาส 4 ปี 2568) เพิ่มความจุรวม 6,000 ตู้ ทำให้มีลานกองตู้รวม 15,000 ตู้รวมมีพื้นที่ 161,792 ตร.ม. 2) การขนส่งทางรถ โดยเตรียมซื้อรถใหม่ประมาณ 15 คัน จากปัจจุบันที่มีอยู่ 200 คัน และ 3) ธุรกิจ Freight Forwarder เพิ่มพนักงานขายจาก 9 คน เป็น 13 คน ทั้ง 3 ปัจจัยนี้จะสนับสนุนให้รายได้และผลประกอบการเติบโตจากปี 2567 ที่มีรายได้ 1.05 พันล้านบาท (+12% YoY) และมีกำไร 100 ล้านบาท (+20% YoY)
•ความเห็น เรามีมุมมองเชิงบวกต่อปัจจัยพื้นฐานระยะยาวของ MPJ เนื่องจากมีแผนการขยายธุรกิจทั้งลานกองตู้คอนเทนเนอร์ การขนส่งทางรถ และ Freight Forwarder อีกทั้งมีการประกาศจ่ายเงินปันผลที่สูงถึง 0.30 บาท ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 30 เมษายน และจ่ายเงินปันผลวันที่ 22 พฤษภาคม คิดเป็นอัตราผลตอบแทน 9.2% ขณะที่ราคาหุ้น MPJ ซื้อขายที่ P/E Ratio 6.5 เท่า ซึ่งต่ำกว่าบริษัท SONIC, III, SINO, ETL และ WICE ซึ่งดำเนินธุรกิจคล้ายกันอยู่ที่ 7.8, 8.5, 11.2, 12.5 และ 18.5 เท่า ตามลำดับ แต่เราแนะนำเพียง "ถือ" เนื่องจากมีความเสี่ยง เกี่ยวกับข้อพิพาททางกฎหมาย 2 คดีโดยมีทุนทรัพย์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจำนวน 90 ลบ. เป็นปัจจัยกดดันต่อราคาหุ้น (บริษัทคาดว่าจะใช้เวลาอีกราว 1-3 ปีในการพิจารณาคดี และคาดว่ามูลค่าชดเชยความเสียหายจะอยู่ที่ราว 25 ลบ.)
หุ้นมีข่าว
(+) SQ (Bloomberg Consensus - บาท) เผยเซ็นสัญญางานจ้างขุด-ขนดินและถ่านที่เหมือง แม่เมาะ สัญญา 8/1 จำนวน 2 รายการกับกฟผ. มูลค่า 7,170 ล้านบาท เติมพอร์ตงานในมือเพิ่ม พร้อมลุยงานเต็มสูบ (ที่มา ทันหุ้น)
(+) CRC (ราคาเหมาะสม 35.00 บาท) เผยท็อปส์เขย่าตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค ปี 2568 กับพอร์ตสินค้า Own Brand กว่า 5 พันรายการ ชูไฮไลต์ด้านคุณภาพในราคาเข้าถึงได้ ให้ความคุ้มค่า ขยายเพิ่มอีกว่า 500 รายการปีนี้ เดินหน้าเจาะตลาดในต่างประเทศ ปักธงการเติบโตกว่า 20% ในปีนี้ (ที่มา ทันหุ้น)
(+) PTTEP (ราคาเหมาะสม 140.00 บาท) “ปตท.สผ.” ทุ่มงบลงทุนปีนี้ 2.6 แสนล้านบาท รุกธุรกิจพลังงานลมนอกชายฝั่ง ดักจับและกักเก็บคาร์บอน รวมทั้งธุรกิจเชื้อเพลิงไฮโดรเจน พร้อมเดินหน้าขยายการลงทุนแหล่งยาดานาและซอติก้า ยันแท่นผลิตก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย และ อ่าวเมาะตะมะ ประเทศเมียนมา ไม่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว (ที่มา ข่าวหุ้น)
(+) MEGA (Bloomberg consensus 36.85 บาท) เผยธุรกิจในพม่าไร้ผลกระทบแผ่นดินไหว แต่ได้ผลบวก คาดความต้องการใช้ยาเพิ่มขึ้น มั่นใจกำไรปีนี้พุ่ง 2,400 ล้านบาท หรือเพิ่มกำไร 2 เท่า จากปี 62 ส่วนผลงานไตรมาส 1/68 คาดยอดขายทุกธุรกิจเติบโต (ที่มา ข่าวหุ้น)







