วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ LH ขยายพอร์ตธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำอย่างต่อเนื่อง

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ LH ขยายพอร์ตธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำอย่างต่อเนื่อง

โรงแรมแกรนด์ เซ็นเตอร์ พอยต์ ลุมพินี จะเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 เมษายนนี้

โรงแรมหรู Grande Centre Point (GCP) ลุมพินี เป็นโรงแรมแห่งที่ 8 ที่ถูกพัฒนาโดย Land and Houses
(LH.BK/LH TB)* จำนวน 512 ห้อง (แบบหนึ่งห้องนอน 473 ห้อง, ห้องสวีทสองห้องนอน 38 ห้องและ
ห้องเพนต์เฮาส์ 1 ห้อง) นอกจากห้องพักแล้ว อาคารนี้ยังมีพื้นที่สำนักงาน 1.20 หมื่นตร.ม. (อัตราการเข้าพัก 50%), สิ่งอำนวยความสะดวกในการจัดเลี้ยง 6 พันตร.ม., Let’s Relax สปา 3 พันตร.ม.ดำเนินการโดยพันธมิตรอย่าง Siam Wellness Group Plc (SPA.BK/SPA TB) และห้องออกกำลังกายขนาดใหญ่ สระว่ายน้ำยาว 50 เมตร และห้องเล่นเกมขนาด 1.400 พันตร.ม. ขณะที่ อัตราค่าห้องพักเฉลี่ยรายวันอยู่ที่ 8 พันบาท (ต่ำกว่าโรงแรมเปิดใหม่บริเวณใกล้เคียงเช่น โรงแรม Dusit Central Park ราคา 1.20 หมื่นบาท/ห้อง/คืน, โรงแรม Ritz Carlton ที่วัน แบงค็อกคิดราคา 1.50 หมื่นบาท/ห้อง/คืน) โดยคาด occupancy rate จะอยู่ที่ 30-40% ปีแรก และเพิ่มเป็น 70-80% ในปีที่สอง อย่างไรก็ดี LH มองว่าเป้าหมายนี้ค่อนไปทางอนุรักษ์นิยมเมื่อเทียบกับโรงแรม GCP สุรวงศ์ ที่ได้เปิดตัวในปี 2566 โดยมี occupancy rate ราว 60% ในปีแรกของการดำเนินงาน โดยที่กลุ่มลูกค้าหลักของโรงแรมในเครือ GCP คือคนไทย (30%) และส่วนที่เหลือส่วนใหญ่มาจากทวีปเอเชีย (หลายประเทศในอาเซียน จีน ญี่ปุ่น ฮ่องกง ฯลฯ)

โรงแรม GCP อีกสามแห่งอยู่ระหว่างการพัฒนา

โรงแรม GCP Prestige Bangkok บนถนนราชดำริ จำนวน 357 ห้อง มีกำหนดเปิดปลายปี 2568 นี้ เร็วขึ้น
2 - 3 เดือนกว่าที่คาดไว้เล็กน้อย ขณะที่ โรงแรม GCP Voyage ซึ่งเป็นโรงแรมแห่งที่สามในพัทยาจำนวน
494 ห้อง กำหนดเปิดในปลายปี 2570 ส่วนโรงแรม GCP China Town จำนวน 357 ห้อง น่าจะเป็นโรงแรมใหญ่ที่สุดในบริเวณไชน่าทาวน์ กรุงเทพฯ หากนับตั้งแต่ปี 2563 LH ได้เปิดตัวโรงแรม GCP ใหม่แล้ว 3 แห่ง และศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 อีก 1 แห่ง รวมทั้งได้เข้าซื้อโรงแรม 2 แห่งในสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ การ

 

 

ลงทุนรวมในอสังหา ฯให้เช่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมารวมอยู่ราว 1.9 หมื่นล้านบาท

อัปเดตธุรกิจ

ธุรกิจหลักของ LH ยังไม่น่าฟื้นตัวโดยยอดโอนอสังหา ฯและการรับรู้รายได้มีแนวโน้มชะลอตัว เพราะผู้ซื้อบ้านกำลังรอจนกว่ามาตรการผ่อนคลายอสังหา ฯ (LTV) จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 พ.ค. 68 แต่อย่างไรก็ดี LH วางแผนจะขายอพาร์ตเมนต์สามแห่งในสหรัฐอเมริกา มูลค่าการลงทุนรวม 381 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (1.2 หมื่นล้านบาท) ในช่วง 1H68F ขณะนี้ LH Group เป็นเจ้าของและบริหารจัดการอสังหา ฯ เพื่อการลงทุน 10 โครงการในประเทศไทย มูลค่ารวมราว 2.8 หมื่นล้านบา และอีก 5 แห่งในสหรัฐอเมริกา มูลค่ารวมราว 480 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หากรวมโรงแรม GCP ลุมพินีด้วยแล้ว LH จะมีโรงแรม 8 แห่ง มีจำนวนห้องพักเกือบ 3,500 ห้องที่เปิดดำเนินการ โดยมีมูลค่าการลงทุนรวม 2.0 หมื่นล้านบาท ในแง่รายได้ที่ไม่ใช่ที่อยู่อาศัยปี 2567 อยู่ที่ 9.1 พันล้านบาท (เพิ่มจาก 4.8 พันล้านบาทในปี 2565 และ 7.8 พันล้านบาทในปี 2566) คิดเป็น 36% ของรายได้รวม เพิ่มขึ้นเพียง 8% จากปี 2563

Valuation & Action

ราคาเป้าหมาย SOTP ของเราอยู่ที่ 4.90 บาท (จากธุรกิจหลัก 0.60 บาท และธุรกิจการลงทุนอีก 4.30 บาท) หมายถึง discounted P/E ปี 2568 ที่ -1 S.D. โดยที่ประกาศจ่าย final dividend ปี 2567 ที่ 0.17 บาทต่อหุ้น (XD วันที่ 30 เม.ย. 68) คิดเป็น yield สูงเกือบ 4% ทั้งนี้ เราคงคำแนะนำเพียง “ถือ”

Risks

ภาวะเศรษฐกิจอ่อนแอ โอกาสการปฏิรูปนโยบายจากภาครัฐ การให้สินเชื่อมีความเข้มงวดมากขึ้นท่ามกลางภาวะหนี้สินภาคครัวเรือนสูงยืดเยื้อ แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น รวมทั้ง การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ

 

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ LH ขยายพอร์ตธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำอย่างต่อเนื่อง

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ LH ขยายพอร์ตธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำอย่างต่อเนื่อง

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ LH ขยายพอร์ตธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำอย่างต่อเนื่อง

 

 

 

 

 

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ LH ขยายพอร์ตธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำอย่างต่อเนื่อง

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ LH ขยายพอร์ตธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำอย่างต่อเนื่อง

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ LH ขยายพอร์ตธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำอย่างต่อเนื่อง