วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก Sideway Down

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก Sideway Down

วันพฤหัสบดีที่ผ่านมาระหว่างวันดัชนีเคลื่อนไหว Sideway ในแดนบวก โดยมีแรงหนุนจากนักลงทุน เพิ่มคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็น 3 ครั้งในปีนี้ จากเดิมคาด 1 ครั้งในปีนี้

หลังสหรัฐเผยตัวเลข เงินเฟ้อ CPI ต่ำกว่าคาด มีแรงซื้อกลับเข้ามานำโดยหุ้นกลุ่มพลังงาน ไอซีที และอิเล็กทรอนิกส์ อย่างไรก็ตาม มีแรงขายในช่วงท้ายตลาด จาก Fund Flow ที่ยังคงไหลออกอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,159.64 จุด -0.42 จุด -0.04% มูลค่าการซื้อขาย 32,462 ลบ. Program Trading -708.42 ลบ. ต่างชาติ -928.59 ลบ. TFEX +17,515 สัญญา ตราสารหนี้ -3,741.09 ลบ.

ปัจจัยบวก

+ สหรัฐฯ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ปรับตัวขึ้น 3.2%YoY ในเดือนก.พ. ชะลอตัวลงจากเดือนม.ค.ที่เพิ่มขึ้น 3.7% และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.3%
+ รัฐมนตรีต่างประเทศของกลุ่ม G7 หารือเกี่ยวกับกิจการระดับโลกที่สำคัญ ตั้งแต่ความพยายามในการยุติสงครามของรัสเซียในยูเครน ไปจนถึงวิธีรับมือกับการกระทำที่แข็งกร้าวของจีนในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก
+ ผู้นำรัสเซีย กล่าวว่า รัสเซียเห็นพ้องในหลักการต่อข้อเสนอหยุดยิงของสหรัฐ แต่ก็ย้ำว่า ข้อตกลงใด ๆ ที่เกิดขึ้น จะต้องนำไปสู่สันติภาพที่ถาวร

ปัจจัยลบ  

- ดัชนีดาวโจนส์ ปิดลดลง 537.36 จุด หรือ -1.30% ส่วนดัชนี S&P500 เข้าสู่เขตปรับฐาน (Correction Territory) แล้ว เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าสงครามการค้า ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้ารายใหญ่จะก่อให้เกิด เงินเฟ้อและฉุดรั้งเศรษฐกิจให้เข้าสู่ภาวะถดถอย
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลง 1.13 ดอลลาร์ หรือ 1.67% ปิดที่ 66.55 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความกังวลว่าสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศต่าง ๆ จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจมหภาคและจะทำให้ความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกชะลอตัวลง และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับข้อเสนอการหยุดยิงระหว่างรัสเซียและยูเครน 

 

- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่าสหรัฐฯ จะตอบโต้สหภาพยุโรป หลังจาก EU ประกาศเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ เพื่อเป็นการเอาคืนสหรัฐฯ ที่เก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมในอัตรา 25% จากประเทศคู่ค้า
- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่เรียกเก็บภาษีต่อผลิตภัณฑ์สุราและแอลกอฮอล์จากสหภาพยุโรป (EU) สูงถึง 200% เพื่อตอบโต้ต่อการที่ EU เรียกเก็บภาษี 50% ต่อวิสกี้ที่นำเข้าจากสหรัฐและยืนยันว่าเขาจะไม่เปลี่ยนแปลงแผนการเก็บภาษีเพิ่มเติมที่มีกำหนดบังคับใช้ในวันที่ 2 เม.ย.
- ดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุน ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดีดตัวขึ้นเกือบ 5% เมื่อวานนี้ (13 มี.ค.) ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ
- ม.หอการค้าไทย เผยดัชนีความเชื่อมั่นดัชนีผู้บริโภค ก.พ. ปรับตัวลดลงจาก ระดับ 59.0 สู่ระดับ 57.8 ปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน ดัชนีต่ำกว่าระดับ 100 แสดงให้เห็นว่า ผู้บริโภคยังคงเห็นว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมยังคงฟื้นตัวช้า และค่าครองชีพสูง ตลอดจนปัญหาสงครามการค้า ที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ยังคง มีโอกาสบั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั้งในปัจจุบันและในอนาคตได้อย่างต่อเนื่องในระยะอันใกล้นี้

แนวโน้มตลาดวันนี้    

คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสอ่อนตัวลงต่อ โดยมีแรงกดดันจากความกังวลว่าสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นระหว่างสหรัฐ และประเทศคู่ค้ารายใหญ่จะก่อให้เกิดเงินเฟ้อและฉุดรั้งเศรษฐกิจให้เข้าสู่ภาวะถดถอย ประกอบกับเม็ดเงิน Fund Flow ของนักลงทุนต่างชาติยังไหลออกต่อเนื่อง มองกรอบดัชนีวันนี้ที่ 1,150-1,165 จุด

กลยุทธ์การลงทุน   

• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากกระแสซีรีส์ "The White Lotus" : WPH RP MINT CENTEL BA BAREIT
• หุ้นส่งออก ม.ค. เติบโตดี : STA NER GFPT AAI ITC
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก กนง. ลดดอกเบี้ย : AP LH SIRI SC SPALI QH MTC TIDLOR

 

• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากโครงการ TISA : CPALL SCB TISCO EGCO BDMS TU ADVANC
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก ThaiESG Extra : BBL BEM CPALL PTT TISCO

หุ้นรายงานพิเศษ  

SAPPE "ถือ" (Bloomberg consensus 42.00 บาท)
"ผู้บริหารปรับเป้ารายได้ปี 68 เหลือเติบโต 5%"

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก Sideway Down

• 4Q67 บริษัทมีกำไรสุทธิเท่ากับ 189 ล้านบาท -37%QoQ แต่ +13%YoY (ต่ำกว่าตลาดคาด 15%) โดยมีรายได้จากการขายเท่ากับ 1,377 ล้านบาท -12%QoQ เนื่องจากเป็นช่วง Low season อากาศหนาว ทำให้ความต้องการเครื่องดื่มลดลง แต่รายได้ +14%YoY เนื่องจากบริษัทสามารถขยายช่องทาง การจัดจำหน่ายใหม่ผ่าน Modern Trade ในต่างประเทศได้มากขึ้น มี %GP เท่ากับ 46.4% เพิ่มขึ้นจาก 46.0% ใน 3Q67 และ 45.3% ใน 4Q66 จากต้นทุนบรรจุภัณฑ์ลดลง ขณะที่ มี %SG&A เท่ากับ 35% เพิ่มขึ้นจาก 27% ใน 3Q67 และ 33% ใน 4Q66 จากค่าใช้จ่ายด้านการตลาดที่เพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายในการส่งออกที่เพิ่มขึ้น จากการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ส่งผลให้ %NP เท่ากับ 13.7% ลดลงจาก 19.2% ใน 3Q67 และ 13.9% ใน 4Q66 ทั้งนี้ปี 67 บริษัทมีกำไรสุทธิเท่ากับ 1,252 ล้านบาท +17% YoY

•ผู้บริหารปรับเป้ายอดขายปี 68 ลดลงเหลือ 5% YoY จากเดิมคาด 15-20% YoY สะท้อนความระมัดระวังในการดำเนินงาน เนื่องจาก 1.ภาวะเศรษฐกิจในแต่ละประเทศยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ 2.ยอดขายใน EU ยังไม่เป็นไปตามเป้าจากปัญหาการจัดการหน้าร้านที่ มีสินค้าคงเหลือ ในระดับสูง 3.ประเทศเกาหลีเผชิญการแข่งขันด้านราคา และ 4.ความผันผวนของค่าเงิน นอกจากนี้บริษัทเลื่อนการเปิดโรงงานใหม่ออกไป จากเดิม 2Q68 เป็น 1Q69 สะท้อนเป้ายอดขายที่ลดลง

ความเห็น เรามีมุมมอง “Neutral” ต่อผลประกอบการ 1Q68 โดยคาดว่าจะทรงตัว QoQ เนื่องจากยังคงได้รับผลกระทบจากปัจจัยด้านฤดูกาล นอกจากนี้คาดว่า consensus จะปรับลดประมาณการปี 68 โดยราคาเหมาะสม Bloomberg consensus 42.00 บาท มี Upside 21% ราคาหุ้น -49%YTD ซื้อขายที่ PE 9x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่ม 13x อย่างไรก็ตามคาดว่าจะเห็น consensus ปรับลดประมาณการปี 68 เราจึงแนะนำเพียง "ถือ" (บริษัทจ่ายปันผล 2.25 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend Yield ราว 6% XD 23/4/68 วันจ่าย 8/5/68)

หุ้นมีข่าว

(+) AOT (Bloomberg Consensus 55.00 บาท) มั่นใจผลงานปี 2568 เติบโตต่อเนื่องจากอุตสาหกรรมการบิน และปริมาณผู้โดยสารต่างประเทศหนุนเต็มสูบ พบ ไต้หวัน, รัสเซีย, อินเดีย, เกาหลีใต้ และจีน นิยมเที่ยวไทย พร้อมเผยปมคิงเพาเวอร์ เลื่อนชำระผลประโยชน์ ไม่กระทบต่อผลดำเนินงาน (ที่มา ทันหุ้น)

(+) MEDEZE (ราคาเหมาะสม 11.40 บาท) จ่อใช้เงิน 552 ล้านบาท ซื้อที่ดินสามพราน 14 ไร่ ภายในไตรมาส 2/2568 รองรับโอกาสขยายธุรกิจน้ำยาเลี้ยงเซลล์-ผลิตภัณฑ์การแพทย์ขั้นสูง พร้อมลงทุน AI ราว 12 ล้านบาท ทำระบบ MEDEZE Plus Auto Matching เพื่อวิเคราะห์การตลาด-รับมือ Bot Trade เชื่อรายได้ 1/2568 โต 20-30% แม้เป็นโลว์ซีซันเก็บสเต็มเซลล์ ส่วนธุรกิจเซลล์รากเส้นผมมองเป็น New S-Curve จากมูลค่าตลาดสูง 4 พันล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) TMAN (Bloomberg Consensus 23.05 บาท) เดินเกมรุกตลาดเต็มรูปแบบ ลุยเปิดตัวสินค้าใหม่ ตอกย้ำความเชี่ยวชาญด้านยารักษาโรคและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ พร้อมขยายช่องทางจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ หวังดันแบรนด์ Propoliz สู่เวทีโลก เสริมแกร่งฐานลูกค้าครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย (ที่มา ทันหุ้น)

(+) FM (Bloomberg Consensus 7.20 บาท) เร่งขยายกำลังการผลิต ทั้งโรงงานชำแหละไก่และโรงงานไก่แปรรูป เงินลงทุนรวมประมาณ 900 ล้านบาท คาดจะเริ่มเฟสแรกในไตรมาสที่ 2/2568 คาดจะเสร็จสิ้นปี 2569 ส่งผลให้ภายในปี 2570 จะมีรายได้เพิ่มขึ้นแตะ 1 หมื่นล้านบาท รวมถึงยังคงขยายฐานลูกค้าในประเทศใหม่ๆ และหาพันธมิตรที่เป็นแบรนด์ระดับโลก (ที่มา ทันหุ้น)