วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก Rebound

มีแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นกลุ่ม Big-Cap นำโดย อิเล็กทรอนิกส์ พลังงาน และค้าปลีก ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาการประกาศตัวเลขการจ้างงานสหรัฐ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ ทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,202.03 จุด +12.48 จุด +1.05% มูลค่าการซื้อขาย 37,805.49 ลบ. (ในสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนี -1.69 จุด -0.14%) Program Trading +1,467.94 ลบ. ต่างชาติ +1,408.31 ลบ. TFEX +8,604 สัญญา ตราสารหนี้ +6,358.95 ลบ.

ปัจจัยบวก    

+ ดัชนีดาวโจนส์ ปิดเพิ่มขึ้น 222.64 จุด หรือ +0.52% ฟื้นตัวขึ้นหลังจากร่วงลงในช่วงเช้า เนื่องจากได้แรงหนุนจากคำกล่าวของเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ที่ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ อยู่ในภาวะที่ดี อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ส่งผลให้ตลาดเผชิญกับการร่วงลงรายสัปดาห์หนักที่สุด ในรอบหลายเดือน
+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดเพิ่มขึ้น 68 เซนต์ หรือ +1.02% ปิดที่ 67.04 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ลดลงจากระดับสูงสุดของวัน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ขู่จะคว่ำบาตรรัสเซีย หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงหยุดยิงกับยูเครน
+ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหาร เพื่อจัดตั้งกองทุนสำรองบิตคอยน์เชิงกลยุทธ์ (Strategic Bitcoin Reserve) ซึ่งสะท้อนถึง การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในด้านนโยบายสินทรัพย์ดิจิทัลของสหรัฐฯ
+ นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง รวมถึง ก.ล.ต. และ ตลท. หารือกันอย่างใกล้ชิด เพื่อหามาตรการกระตุ้นตลาดหุ้นให้มีความเชื่อมั่น นักลงทุนกลับมาซื้อขายเช่นเดิม และต้องการผลักดันให้ GDP เติบโต 3.5% โดยภายในเดือน มี.ค.นี้ จะมีความชัดเจนเรื่องมาตรการฟื้นความเชื่อมั่นและผลักดันให้จีดีพีไทยไปถึงเป้าหมายให้ได้
 

 

 

+ ตลท. เปิดเผยว่า อยู่ระหว่างศึกษา Individual Savings Account หรือบัญชี ออมหุ้นไทยระยะยาว โดยจะให้ประชาชนคนไทยเข้ามาซื้อหุ้นไทยเพื่อการออม ระยะยาว หรือเพื่อการเกษียณ ซึ่งเงินที่นำไปซื้อหุ้นไทยในแต่ละปีก็จะได้รับสิทธิประโยชน์ลดหย่อนภาษี และเมื่อถึงกำหนดระยะเวลาให้ขายหุ้นได้ ก็จะได้รับ การยกเว้นภาษีขายหุ้น

ปัจจัยลบ 

- สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 151,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 159,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 125,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. ขณะที่อัตราการว่างงานปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.1% สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 4.0%
- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ กล่าวว่า สหรัฐฯ จะไม่ปกป้องพันธมิตรของสหรัฐฯ ในองค์การนาโต (NATO) หากประเทศเหล่านั้นไม่จ่ายเงินให้เพียงพอสำหรับการป้องกันตัวเอง
- จีนมีแนวโน้มที่จะเผชิญปัญหาเงินฝืดในระดับที่รุนแรงมากขึ้น โดยสำนักงาน สถิติแห่งชาติจีนเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับตัวลง 0.7%YoY ในเดือนก.พ. และลดลง 0.2%MoM ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของจีนซึ่งใช้วัดต้นทุนสินค้าที่หน้าโรงงาน ปรับตัวลง 2.2%YoY ในเดือนก.พ.
- จีนประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าเกษตรและอาหารจากแคนาดา เพื่อตอบโต้ที่แคนาดากำหนดภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ผลิตในจีน รวมถึงผลิตภัณฑ์เหล็กและอะลูมิเนียมในเดือนต.ค.ที่ผ่านมา

แนวโน้มตลาดวันนี้   

คาดดัชนีในวันนี้ยังมีโอกาส Rebound โดยมีแรงหนุนจาก ตลท. อยู่ระหว่างศึกษา Individual Savings Account ประกอบกับคำกล่าวของประธานเฟด ที่ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในภาวะที่ดี มองกรอบดัชนีวันนี้ที่ 1,190-1,210 จุด

 

กลยุทธ์การลงทุน

• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากกระแสซีรีส์ "The White Lotus" : WPH RP MINT CENTEL BA BAREIT
• หุ้นส่งออก ม.ค. เติบโตดี : STA NER GFPT AAI ITC
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก กนง. ลดดอกเบี้ย : AP LH SIRI SC SPALI QH MTC TIDLOR
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากโครงการ TISA : CPALL SCB TISCO EGCO BDMS TU ADVANC

หุ้นรายงานพิเศษ  

BCH - "ซื้อ" (Bloomberg Consensus 19 บาท อัพไซต์ 21%)
"มุมมองบวกเล็กน้อยต่อแนวโน้มการเติบโตในปี 68"

•คาดแนวโน้ม 1Q68 เติบโต YoY QoQ (ม.ค.-ก.พ. เติบโต 3-4%YoY) โดยหลักมาจากผู้ป่วยเงินสด ที่เติบโตดีจากโรคระบาดช่วงต้นปี คือ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A ช่วยชดเชยผลกระทบจากการเข้าสู่ ช่วงรอมฎอนตั้งแต่ 1 มี.ค.-31 มี.ค 68 เทียบกับปี 67 อยู่ในช่วง (11 มี.ค.-9 เม.ย.67) รวมทั้งเทียบกับฐานปีก่อนที่ยังไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากการหายไปของผู้ป่วยคูเวต ส่วนโต QoQ จากฐานต่ำ ใน 4Q67 ที่มีกำไร 233 ลบ. -45%YoY -49%QoQ เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายพิเศษจากการกลับรายการของโรคซับซ้อนของประกันสังคมที่ได้รับเงินไม่เต็มจำนวน 12,000 บาท

•ผู้บริหาร คาดรายได้ปี 68 เติบโตมากกว่า 10% โดยหลักมาจาก 1) เติบโตจากฐานต่ำในปีก่อนที่ได้รับผลกระทบจากกลุ่มรายได้ประกันสังคมกรณีโรคซับซ้อน (ผลกระทบราว 2%) 2) กลุ่มลูกค้าเงินสดเติบโตดีทั้งคนไทยและต่างประเทศ 3) การขยายกำลังให้บริการเพิ่มเติม อาทิ รถทันตกรรมเคลื่อนที่ และศูนย์ความงาม และ 4) รพ.ใหม่ 3 แห่งที่ขาดทุนในปีก่อนรวมราว 200 ลบ. มีโอกาสพลิกมีกำไร 2 แห่งในปีนี้

•ความเห็น เรามีมุมมองบวกเล็กน้อยต่อแนวโน้มปี 68 จากกลุ่มผู้ป่วยเงินสดเติบโตดีกว่าที่คาด ช่วยชดเชยกลุ่มผู้ป่วยคูเวตและมัลดีฟที่เดิมคาดจะกลับมาตั้งแต่ช่วงต้นปี โดยแม้ทั้ง 2 ประเทศดังกล่าวมีการติดต่อกลับมาเพื่อขอทราบอัตราค่าบริการ แต่ปัจจุบันยังไม่มีการส่งคนไข้มารักษา โดยคาดจะทราบความคืบหน้าหลังจากพ้นช่วงรอมฎอนและจะเป็นอัพไซต์ต่อเป้าหมายการเติบโต ทั้งนี้ Bloomberg Consensus คาดกำไร ปี 68 ราว 1,648 ลบ. +29%YoY และราคาเหมาะสม 19 บาท อัพไซต์ 21% รวมทั้งคาดราคาหุ้นตอบสนองกับข่าวร้ายในปีที่ผ่านมาไปแล้ว

หุ้นมีข่าว

(+) SNPS (ราคาเหมาะสม 6.00 บาท) เปิดแผนขยายธุรกิจเต็มสูบ เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ 10 รายการในปี 2568 เจาะตลาดสุขภาพและผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ มองผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยงโอกาสเติบโตสูง พร้อมเดินหน้ารุกตลาดต่างประเทศ ได้ดีลตลาดใหญ่อินเดียและอินโดนีเซีย หวังดันรายได้โตต่อเนื่องหลังปี 2567 กำไรพุ่ง 169% (ที่มา ทันหุ้น)

(+) BAM (Bloomberg Consensus 6.50 บาท) รับจัดเก็บเงินสดไตรมาส 1/2568 โตดี ลูกค้า NPL ชำระเงินต่อเนื่อง เก็บหนี้ Clean Loan หลังสิ้นสุดกระบวนการยึดขายทอดตลาดมากขึ้น จ่อรับเงินหลังปิดดีล NPA รายใหญ่กว่า 9 ร้อยล้านบาท ตั้งเป้าปีนี้เก็บเงินสดทั้งปี 1.78 หมื่นล้านบาท วางงบซื้อหนี้เติมพอร์ตบริหารเพิ่มที่ 8 พันล้านบาท เดินหน้าอัดโปรโมชั่น NPA-NPL ตลอดปี (ที่มา ทันหุ้น)

(+) PMC (Bloomberg Consensus - บาท) เดินเกมรุกตลาดฟิล์ม-ฉลากพิเศษ ตั้งเป้าเติบโตสองหลัก มุ่งขยายตลาดต่างประเทศ วางกลยุทธ์โฟกัสกลุ่มสินค้ามูลค่าสูง พร้อมลงทุนเครื่องจักรใหม่ พัฒนาเทคโนโลยีรองรับออเดอร์ โชว์กำไรปี 2567 สุดหรู พุ่งขึ้น 166% แตะ 46.45 ล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) EGCO (Bloomberg Consensus 120.00 บาท) ปิดดีลขายหุ้นทั้งหมด 100% ในบริษัท Boco Rock Wind Farm Pty Ltd (BRWF) ซึ่งเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าพลังงานลม Boco Rock กาลังผลิต 113 เมกะวัตต์ ในรัฐนิวเซาต์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย ให้แก่ Tilt Renewables บริษัทพลังงานหมุนเวียนในประเทศออสเตรเลีย (ที่มา ทันหุ้น)