วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.กรุงศรี IVL มุ่งลดค่าใช้จ่าย ระยะยาวเจาะอินเดีย

คงคำแนะนำ Trading Buy ต่อ IVL ที่ TP25F = 24.0 บาท/หุ้น คงมุมมองสามารถซื้อเก็งกำไรรับการฟื้นตัวของ PET spread ในช่วง 2Q25F (high season) และการฟื้นตัวของกำไรใน 1Q25F จาก stock loss ที่ลดลง
รวมถึงกำไรปกติฟื้นตัวต่อเนื่องใน 2025-26F จากค่าใช้จ่ายคงที่ลดลงเต็มปี และ อัตรากำไรผลิตภัณฑ์หลักอย่าง PET ฟื้นตัวจาก oversupply ที่ลดลง นอกจากนี้ยังอาจมี upside หากบริษัทเจาะตลาดเอเชียได้ตามเป้าที่เปิดเผยในงาน Capital Markets Day 2025
Key takeaway from Capital Markets Day (CMD) 2025
- ธุรกิจ CPET มุ่งเจาะตลาดเอเชีย มองฐานการผลิตเดิมมีจุดแข็งที่พึ่งพา domestic demand (ราว 76% ของรายได้ CPET) ช่วยลดผลกระทบของสงครามการค้า และได้ประโยชน์จากมาตรการกีดกันการค้าต่อสินค้าจากจีน นอกจากนี้มองมีโอกาสขยายการขาย speciaty product ได้ราว 20% ภายใน 2027 หรือราว 1 แสนตัน/ปี มองความต้องการใช้ PET ทั่วโลกยังเติบโตเฉลี่ย 4% ในช่วง 2025-27 โดยเฉพาะอินเดียที่มีอัตราการเติบโตสูงสุดคาดเฉลี่ยราว 9% ทั้งนี้บริษัทมีแผนจะ JV กับ partner โดยนำ asset มารวมกันเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน, อยู่ระหว่างพิจารณา optimize asset PTA เพิ่ม เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไร และ อาจมีโอกาสลงทุนในธุรกิจ MEG/MTBE เพิ่มในอินเดีย (ขึ้นกับสถานะทางการเงินของ IVL ในปี 2027 ด้วย) มูลค่าราว 500 $mn ซึ่งเป็นการซื้อต่อจาก Indorama Resources ที่เป็นของ Lohia’s family (50:50 JV กับ Adani Enterprises มูลค่าโครงการรวมราว 5,000 $mn COD 2029)
- Indovida (ทำ Packaging อยู่ใน CPET) อยู่ระหว่าง spin off ตั้งเป้าภายใน 2026 และตั้งเป้า EBITDA เติบโต 22% ภายใน 2027 เป็นราว 120 $mn (Vs. 98 $mn ใน 2024) ตามการขยายตลาดในแอฟริกา
- Indovinya (surfactants ในธุรกิจ IOD) ตั้งเป้า EBITDA +43% ภายใน 2027 การเติบโตมาจากทั้งปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ, การเพิ่มส่วนแบ่งตลาด, ขยายผลิตภัณฑ์ HVA และการเจาะตลาดเอเชีย ทั้งนี้คงแผน spin off ภายใน 2026 คาดได้เงินทุนราว 1$bn เพื่อนำไปชำระคืนหนี้และต่อยอดการลงทุน
- ธุรกิจ Fibers ตั้งเป้า EBITDA เพิ่ม 76% ภายใน 2027 โดยโตจากการขยายตลาดใน America ตั้งเป้าเพิ่ม EBITDA ราว 27$mn และการลดค่าใช้จ่ายคงที่รวมถึง optimize asset ตั้งเป้าลดได้ราว 98$mn
- มอง 2025-26 อาจบรรลุการขายทรัพย์สิน (ส่วนที่ optimize asset) ได้เงินสดราว 150-200$mn ส่วน EBITDA ที่เพิ่มขึ้นจากการ optimize asset คาดราว 130-140 $mn (เป้าเดิม 140-150 $mn)
ความเห็นและคำแนะนำ
- เรามอง Neutral ต่อข้อมูลจากงาน Capital Markets Day 2025 ภาพรวมเป้าการเพิ่ม EBITDA ภายใน 2027 ของ IVL เรามองว่ามีความท้าทายในด้านของเป้าปริมาณขาย (fig3) โดยหากให้สมมติฐานว่า margin แทบไม่เพิ่มเหมือนมุมมองของผู้บริหาร จะเสมือนว่าปริมาณขายต้องเพิ่มกว่า 3.8 ล้านตัน/ปี (mta) หรือ +27% เพื่อให้เป็นไปตามเป้า Vs. ประมาณการเราที่คาดปริมาณขายเพิ่มราว 1.5 mta ในช่วง 2025-27F และปี 2024 ที่ flat y-y สะท้อนว่าส่วนหนึ่งต้องอาศัยการ M&A/JV ซึ่งเรามองว่าเร็วเกินไปที่จะให้น้ำหนัก ทั้งนี้ในส่วนของโอกาสในการเข้าลงทุนใน family asset ในอินเดียในช่วง 2027F เรามองเป็นบวกในด้านของกลยุทธ์ระยะยาวที่มุ่งเจาะตลาดที่มีโอกาสเติบโตสูงอย่างอินเดีย โดยเราอยู่ระหว่างรอการเปิดเผยรายละเอียดโครงการดังกล่าวก่อนประเมินผลกระทบ
- คงมุมมองปี 2025F ฟื้นสูง y-y คาดกำไรปกติ ราว 1.1 หมื่นลบ. ได้แรงหนุนของค่าใช้จ่ายคงที่ลดลงเต็มปี หลังทยอยปิดโรงงานที่ไม่ทำกำไร, integrated spread PET ฟื้นตัวจาก new supply ที่เข้ามาลดลง และโรงผลิตบางส่วน cut run และ stock loss ลดลง ตามการเก็บวัตถุดิบหลังผ่านช่วงแรกของการ optimize asset
- คงคำแนะนำ Trading Buy ที่ TP25F = 24.0 บาท/หุ้น คงมุมมองสามารถซื้อเก็งกำไรการฟื้นตัวของ PET spread ในช่วงปลาย มี.ค. – 2Q25F ที่มีความต้องการ re-stock และเข้าสู่ช่วงฤดูร้อน (high season) รวมถึงระยะสั้นมีปัจจัยบวกจากแนวโน้มการฟื้นตัวของกำไรใน 1Q25F จาก stock loss และค่าใช้จ่ายคงที่ ที่ลดลง







