วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ บรรยากาศลงทุนดีขึ้นหลังประเทศใหญ่ผลักดันแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ บรรยากาศลงทุนดีขึ้นหลังประเทศใหญ่ผลักดันแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ

สหรัฐฯ ชะลอการขึ้นภาษีเม็กซิโกและแคนาดาออกไป 1 เดือน: ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศ ยกเว้นการเก็บภาษีศุลกากรใหม่สำหรับรถยนต์จากเม็กซิโกและแคนาดาเป็นเวลา 1 เดือน

ตามคำร้องขอจากผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์ การตัดสินใจชะลอการขึ้นภาษีนี้สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลทรัมป์กำลังใช้หลายแนวทางเพื่อดึงดูดให้บริษัทรถยนต์สร้างโรงงานในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นหนึ่งใน นโยบายสำคัญของทรัมป์มาตลอด บางแหล่งข่าวระบุว่าการชะลอภาษี เป็นการซื้อเวลา ให้บริษัทรถยนต์ปรับแผนเพื่อนำเงินลงทุนและการผลิตกลับมายังสหรัฐฯ มากขึ้น 

เยอรมนีกับจีนประกาศความพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่: 1) เยอรมนี มีการทบทวนและผ่อนคลายกฎ "Debt Brake" (กฎควบคุมหนี้สาธารณะ) เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งบประมาณมีการเพิ่มขีดจำกัดการขาดดุลงบประมาณจาก 0.35% เป็น 1.4% ของ GDP ภายใต้เงื่อนไขหนี้สาธารณะต้องต่ำกว่า 60% ของ GDP จัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 500,000 ล้านยูโร เพื่อลงทุนในด้านขนส่ง พลังงาน และที่อยู่อาศัยในระยะ 10 ปี รวมถึงยกเว้นงบประมาณด้านกลาโหมออกจากข้อจำกัดของ "Debt Brake" 2) จีน ตั้งเป้าการเติบโตของ GDP ที่ 5% ในปี 2568 เพิ่มการขาดดุลงบประมาณเป็น 4% ของ GDP ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 30 ปี ออกพันธบัตรพิเศษเพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีขั้นสูง, กระตุ้นการบริโภคภายในประเทศโดยการลดภาษีเงินได้, ปรับลดดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน และให้เงินอุดหนุนสินค้า, เร่งพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยี เช่น AI และชิปเซ็ต, บริหารจัดการหนี้รัฐบาลท้องถิ่น, ขยายการใช้พลังงานสะอาด และดึงดูดการค้าและการลงทุนจากต่างประเทศผ่านโครงการ Belt & Road Initiative 

ภาพรวมกลยุทธ์ บรรยากาศลงทุนช่วงที่ผ่านมาถูกกดดันจากแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่อ่อนแอ อย่างไรก็ตามการชะลอการเก็บภาษีแคนาดาและเม็กซิโกออกไป 1 เดือน และประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของประเทศเยอรมนีและจีน มีโอกาสช่วยต่อทิศทางเศรษฐกิจโลก หนุนแรงเสี่ยงเก็งกำไรกลุ่มอิง

เศรษฐกิจจีน อาทิ กลุ่มปิโตรเคมีที่ปัจจุบันอยู่ในสถานะมีการถือครองต่ำ (under-owned) //สำหรับกลุ่มที่น่าสนใจทางพื้นฐาน เรามอง กลุ่มท่องเที่ยว, การแพทย์, ค้าปลีก และอาหาร (เนื้อสัตว์) รวมถึงกลุ่มโรงไฟฟ้าใหญ่และหุ้นปันผลสูง // หุ้นเล็กที่น่าสนใจ: MEB, SORKON, VRANDA, NER // บรรยากาศลงทุนหุ้นจีนที่ดีขึ้น หนุนต่อ DR อิงหุ้นจีน

แนวรับ: 1,195   แนวต้าน : 1,228 จุด

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
 

หุ้นแนะนำ  (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)
•    BCP (40): ผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตทั้งจากการควบรวม BSRC เข้ามา และผลประกอบการจาก น้ำมันอากาศยานยั่งยืน (SAF) ตัดขาดทุน 36.50 บาท
•    ERW (4): ราคาหุ้นปรับลดลงจนถึง 12x PER ซึ่งใกล้เคียงระดับในช่วงสถานการณ์โควิด ทำให้อยู่ในจุดที่มีโอกาสฟื้นตัว ตัดขาดทุน 3.20 บาท 
•    RATCH (30) : หุ้น Defensive ที่ปัจจุบันซื้อขาย PER 7 เท่า และให้ผลตอบแทนปันผลทั้งปี 6% (ปันผลที่จะถึง 0.80 บาท XD 17 มี.ค.)  ตัดขาดทุน 25 บาท
•    MEB (28): ราคาหุ้น de-rate จนถึง 14xPER ทำให้น่าจะปิดความเสี่ยงด้านราคาในระยะสั้น  ตัดขาดทุน 20.50 บาท 
 

ประเด็นที่น่าสนใจ 

-    ISM เผยดัชนีภาคบริการสหรัฐสูงกว่าคาดในเดือนก.พ
-    สหรัฐเผยยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในเดือนม.ค.
-    ADP เผยจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐ +77,000 เดือนก.พ. ต่ำกว่าคาดการณ์
-    จีน ระงับนำเข้า ถั่วเหลือง-ไม้ซุง จากสหรัฐฯ ตอบโต้ มาตรการภาษีทรัมป์
-    ราคาน้ำมัน WTI ไหลไม่หยุด ล่าสุดหลุด $66 หลังเผยสต็อกน้ำมันดิบมากกว่าคาด
-    คลังชง ครม.ปรับโครงสร้างภาษีรถ PHEV-HEV เม.ย.นี้
-    บทวิเคราะห์วันนี้ : BH แนะนำ ซื้อ เป้า 232 บาท/ ORI แนะนำ ถือ เป้า 2.90 บาท/ STECON แนะนำ ซื้อ เป้า 6.50 บาท  

 

 

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

6 มี.ค. – ECB Interest Rate Decision, ผลประกอบการ JD/ Costco/Broadcom 

 

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ บรรยากาศลงทุนดีขึ้นหลังประเทศใหญ่ผลักดันแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ