วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ TFG เป็นอีกปีหนึ่งที่กำไรเติบโตแข็งแกร่ง

TFG ตั้งเป้ายอดขายเติบโตราว 10%-15% ในปี 2568F ปัจจัยหนุนหลักจากการเติบโตในธุรกิจค้าปลีกและธุรกิจสุกร
ขณะที่ บริษัทวางแผนที่จะขยายร้านขายปลีกขึ้นอยู่ที่ 600 สาขาในปี 2568F จาก 401 สาขาในปี 2567 โดยมีเป้าหมายระยะยาวที่ 1,000 สาขา เพราะ TFG มองเห็นศักยภาพของการแข่งขันในตลาดสดอีกมาก ในขณะเดียวกัน TFG ตั้งเป้าปริมาณขายธุรกิจสุกรเติบโต 25% จากการเพิ่มกำลังการผลิตในประเทศไทยและเวียดนาม เมื่อปีที่แล้วและปีนี้ รวมถึงผลบวกจากราคาสุกรสูงขึ้นในทั้งสองประเทศน่าจะช่วยหนุนรายได้จากการขายในธุรกิจสุกรได้ดี
GPM จะได้แรงหนุนจากราคาเนื้อสัตว์ดีและการปรับปรุงช่องทางการขาย
TFG คาดว่าการระบาดของโรคสุกรเมื่อเร็วๆ นี้จะจำกัดอุปทานในตลาด หนุนให้ราคาขายในทั้งสองประเทศอยู่ในระดับสูงอย่างน้อยจนถึงสิ้นปีนี้ นอกจากนี้ ยอดขายที่สูงขึ้นผ่านร้านขายปลีกของตนเองยังคงช่วยดันให้ราคาขายสูงขึ้น นอกจากนี้ TFG วางแผนจะกลับมาขยายช่องทางในการส่งออก โดยเฉพาะตลาดยุโรปและจีนจะเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง ดังนั้นเราจึงปรับเพิ่มสมมติฐานราคาขายไก่เนื้อและสุกรในประเทศขึ้น 6% และ 4% ตามลำดับ (Figure 2)
ปรับเพิ่มกำไรสุทธิขึ้น 25% ในปี 2568F
เราคาดว่ากำไรสุทธิของ TFG จะเติบโต 32% อยู่ที่ 4.14 พันล้านบาท แรงหนุนจากยอดขายเติบโต 11%
และ GPM ดีขึ้น 1.4ppts อยู่ที่ 14.8% ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มกำไรสุทธิจากประมาณการเดิมของเราขึ้น 25%
หลัก ๆ มาจาก i) รายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 5% ii) GPM ปรับเพิ่มขึ้น 1.0ppts และ iii) ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย
ลดลง 8% แต่อย่างไรก็ตาม เราปรับเพิ่มสัดส่วน SG&A ต่อยอดขายขึ้นเล็กน้อยที่ 6.9% เนื่องจากเราคาด
ว่าต้นทุนการขนส่งจะสูงขึ้นตามปริมาณการส่งออกที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ เรายังค่อนไปทางอนุรักษ์นิยมมากกว่า เป้าหมายของบริษัทในสมมติฐานของร้านขายปลีก และคาดว่าจะมีร้านรวม 520 สาขา ณ สิ้นปีนี้ ส่วนกำไรสุทธิในปี 2569F คาดว่าจะเติบโตเล็กน้อย 2% อยู่ที่ 4.21 พันล้านบาท โดยการขยายร้านขายปลีกและค่าใช้จ่าย
ดอกเบี้ยที่ลดลงจะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลัก แต่จะถูกชดเชยด้วยราคาสุกรปรับฐาน
Valuation & action
เราคงคำแนะนำซื้อ TFG และปรับเพิ่มราคาเป้าหมายปี 2568 ขึ้นเป็น 5.25 บาท จากเดิม 5.05 บาท อย่างไร
ก็ตาม เรา de-rated PER ลงเหลือ 8.1x หรือเท่ากับ +0.5S.D. จากเดิม 9.7x เพื่อสะท้อนถึงการเติบโตที่
กลับมาอยู่ในระดับปกติ
Risks
ต้นทุนอาหารสัตว์และค่าขนส่งสูงขึ้น, เศรษฐกิจชะลอตัวลง, ราคาเนื้อสัตว์ตกต่ำ







