กลยุทธ์การลงทุน : บล.เคจีไอฯ สรุปผลประกอบการ บจ. ไตรมาส 4/67 – ต่ำกว่าที่คาด 10%

กลยุทธ์การลงทุน : บล.เคจีไอฯ สรุปผลประกอบการ บจ. ไตรมาส 4/67 – ต่ำกว่าที่คาด 10%

ผลประกอบการ 4Q67 ของหุ้นใน KGI universe เพิ่มขึ้น 36% YoY และ 2% QoQ ซึ่งที่ยังเติบโตได้เพราะฐานกำไรต่ำมากใน 4Q66

กำไรสุทธิรวมของบริษัทใน KGI universe อยู่ที่ 1.48 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 36% YoY และ 2% QoQ ทั้งนี้
แม้ว่าการเติบโต YoY จะดูแข็งแกร่ง แต่สาเหตุสำคัญคือฐานกำไรที่ต่ำมากใน 4Q66 ซึ่งเป็นช่วงที่มีบริษัทใหญ่หลายแห่งบันทึกผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ ผลประกอบการโดยรวมที่จริงค่อนข้างอ่อนแอ และต่ำกว่า consensus คาดไป 10% ทั้งนี้ ดังที่เราได้เน้นให้เห็นใน figure 1-2 ว่ามีเพียง 23% ของบริษัทที่เราศึกษาอยู่เท่านั้นที่ผลประกอบการออกมาดีเกินความคาดหมาย ในขณะที่ 43% เป็นไปตามคาดและ ที่เหลือ 34% ออกมาน่าผิดหวัง ในขณะเดียวกัน เรายังแสดงกำไรในภาพรวมของ SET ทั้งตลาด ซึ่งตัวเลขแตกต่างออกไป โดยกำไรไตรมาส 4/67 ลดลง 24% YoY และ 37% QoQ เพราะผลขาดทุนพิเศษของ THAI และ ผลขาดทุนอย่างมีนัยสำคัญของบริษัทรับเหมาก่อสร้างสองสามบริษัทที่เราไม่ได้ทำการศึกษา ทั้งนี้ โดยรวมแล้ว 4Q67 ถือเป็นอีกหนึ่งไตรมาสที่ผลประกอบการถูกบิดเบือนด้วยรายการพิเศษ

ผลประกอบการ 4Q67 ของกลุ่มโรงแรม, ธนาคาร และ โรงพยาบาลยังประคองตัวดี แต่ของนิคมฯ,
รับเหมาก่อสร้าง และ บรรจุภัณฑ์ออกมาน่าผิดหวัง

ดังแสดงใน Figure 3 หุ้นสามกลุ่มที่มี ‘% ของบริษัทที่ผลประกอบการดีเกินคาด’ สูงได้แก่ โรงแรม,ธนาคาร และ โรงพยาบาล ซึ่งต้องถือว่าตลาดค่อนข้างมีประสิทธิภาพเพราะหุ้นในกลุ่มเหล่านี้ส่วนใหญ่ outperform ตลาดในช่วงหลายสัปดาห์นี้ แต่ในทางกลับกัน ผลประกอบการของกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม, รับเหมาก่อสร้าง และ บรรจุภัณฑ์ออกมาแย่ ทั้งนี้ กลุ่มธนาคาร และ โรงพยาบาลอาจจะยังไปได้สวย โดยเรามองว่าของกลุ่มธนาคารจะได้แรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล ส่วนกลุ่มโรงพยาบาลเป็นธุรกิจที่มีลักษณะ defensive ทำให้ไม่ถูกกระทบจากสถานการณ์ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก

 

 

บจ. ไทยน่าจะถูกลดประมาณการกำไรไปมากแล้ว โดย downside risk เพิ่มเติมจะมาจากสงครามการค้าที่รุนแรง และ เศรษฐกิจสหรัฐถดถอย

Figure 4 แสดงว่า EPS ปี 2567 ของหุ้นที่ KGI ศึกษาอยู่แทบไม่เปลี่ยนแปลงจากปี 2566 หรือกล่าวได้ว่ากำไรไม่เพิ่มขึ้นเลยในปี 2567 ในขณะที่มีการปรับประมาณการ EPS ปี 2568 ไปแล้วในระดับหนึ่ง เรามองว่าการปรับลดประมาณการของบริษัทในตลาดหุ้นไทยจากปัจจัยที่มองเห็นข้างหน้าน่าจะจบแล้วและ โมเมนตัมของกำไรน่าจะทรงตัวในเดือนต่อ ๆ ไป อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรติดตามปัจจัยที่เป็น downside หลัก ๆ อย่างใกล้ชิด อย่างเช่น นโยบายภาษีการค้าของ Trump และ ความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐจะถดถอย ทั้งนี้ เราประเมินว่า EPS ปี 2568 จะเพิ่มขึ้น 23% เป็น 103.2 จาก 83.9 ในปี 2567 เพราะผลจากฐานที่ต่ำใน 4Q67 เป็นหลัก

ในภาวะที่ภาวะเศรษฐกิจโลกยังไม่แน่นอน เราแนะนำให้อยู่กับหุ้น domestic play ในระยะสั้น

ดังที่เราชูประเด็นไว้ในบทวิเคราะห์กลยุทธ์พอร์ตหุ้นแนะนำเดือนมีนาคม กลยุทธ์การเทรดในระยะสั้นของเราอิงจากมุมมอง และ สมมติฐานว่าปัจจัยในประเทศพลิกมาเป็นบวกมากขึ้น แต่ปัจจัยภายนอกยังคลุมเครือ โดยในกลุ่มแรก เรายังคงชอบกลุ่มธนาคารที่จ่ายปันผลดี (KBANK* และ SCB*) แม้จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในช่วงนี้ กลุ่มที่สอง เรายังคงชอบ non-bank finance โดยเฉพาะหุ้นที่ราคาถูกซึ่งจะได้อานิสงส์จากต้นทุนการระดมเงินที่ลดลงในระยะต่อไป (TIDLOR*) กลุ่มที่สาม เราเลือกหุ้นกลุ่มผู้บริโภคอย่าง CPALL* ซึ่งน่าจะได้อานิสงส์จากมาตรการ digital wallet เฟสใหม่ ในขณะที่ความกังวลเกี่ยวกับแผนซื้อกิจการของผู้บริหารในญี่ปุ่นน่าจะจบไปแล้ว ส่วนกลุ่มที่สี่ เราเพิ่ม BTG* เข้ามาในฐานะหุ้นที่จะได้อานิสงส์จากแนวโน้มราคาเนื้อสัตว์ ซึ่งผลประกอบการมีแนวโน้มโตโดดเด่นในปี 2568F

 

กลยุทธ์การลงทุน : บล.เคจีไอฯ สรุปผลประกอบการ บจ. ไตรมาส 4/67 – ต่ำกว่าที่คาด 10%

 

 

กลยุทธ์การลงทุน : บล.เคจีไอฯ สรุปผลประกอบการ บจ. ไตรมาส 4/67 – ต่ำกว่าที่คาด 10%

กลยุทธ์การลงทุน : บล.เคจีไอฯ สรุปผลประกอบการ บจ. ไตรมาส 4/67 – ต่ำกว่าที่คาด 10%