วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ กังวลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจกดดันตลาดให้เกิดภาวะลดเสี่ยง (risk-off)

ปัจจัยติดตามในสัปดาห์นี้: 1) สหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก 25% และจีน อีก 10% มีผล 4 มี.ค. 2) การประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) นักลงทุนจับตานโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน
ขณะที่ดัชนีภาคการผลิตของจีน (Caixin China PMI Mfg) ก.พ. ฟื้นตัวอยู่ที่ 50.8 จาก คาดการณ์ที่ 50.4 และ ม.ค.ที่ 50.1 จุด 3) การประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) วันที่ 6 มี.ค. คาดลดดอกเบี้ยนโยบาย 25 bps สู่ระดับ 2.50% 4) ประธานาธิบดีทรัมป์ เตรียมจัดประชุมเกี่ยวกับคริปโต 7 มี.ค. คาดมีข้อมูลเกี่ยวกับการตั้งกองทุนสำรองที่ใช้สกุลเงินคริปโต
โอเปคและพันธมิตรปรับเพิ่มกำลังการผลิต: หลังจากเลื่อนการปรับเพิ่มกำลังการผลิตมา 3 ครั้ง โอเปคและพันธมิตรตัดสินใจปรับเพิ่มการผลิตเดือน เม.ย.68 ขึ้น 138,000 บาร์เรล/วัน และจะค่อยๆเพิ่มขึ้นรวม 2.2 ล้านบาร์เรล/วัน ภายในปี 2569 ทั้งนี้การเพิ่มกำลังการผลิตดังกล่าวถือเป็นครั้งแรกหลังจากหยุดชะงักไปมากกว่า 2 ปี ความเคลื่อนไหวดังกล่างส่งผลบวกต่อทิศทางเงินเฟ้อ แต่อาจส่งผลลบระยะสั้นต่อราคาน้ำมันดิบและความเคลื่อนไหวหุ้นพลังงาน
นักลงทุนกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น: ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกและสหรัฐฯ ที่จะได้รับผลกระทบจากการเก็บภาษีทางการค้า และปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ซึ่งรวมไปถึงการต่ออายุมาตรการลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของสหรัฐฯ ภายใต้กฎหมาย Tax Cuts and Jobs Act ปี 2560) สถานการณ์ดังกล่าวทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรเข้าสู่ภาวะ Inverted Yield Curve (ผลตอบแทนสูงกว่าผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาว) โดยล่าสุดผลตอบแทนพันธบัตร 3 เดือนอยู่ที่ 4.30% สูงกว่าผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปี ที่ 4.12% สถานการณ์ดังกล่าวทำให้นักลงทุนเพิ่มความระวังและถือสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้น
ภาพรวมกลยุทธ์ ความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ถดถอยอาจกดดันให้เกิดภาวะลดการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง และกระทบต่อหุ้น แต่ยังอาจทยอยสะสมกลุ่มปันผลสูงได้ ขณะที่ในมุมเก็งกำไร ตัวเลขการผลิตจีนที่เริ่มฟื้น ประกอบกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อาจหนุนแรงเสี่ยงเก็งกำไรกลุ่มปิโตรเคมีที่ปัจจุบันอยู่ในสถานะมีการถือครองต่ำ (under-owned) //สำหรับกลุ่มที่น่าสนใจทางพื้นฐาน เรามอง กลุ่มท่องเที่ยว, การแพทย์, ค้าปลีก และอาหาร (เนื้อสัตว์) รวมถึงกลุ่มโรงไฟฟ้าใหญ่และหุ้นปันผลสูง // หุ้นเล็กที่น่าสนใจ: MEB, SORKON, VRANDA, NER
แนวรับ: 1,170-1,177 แนวต้าน : 1,200 จุด
สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
หุ้นแนะนำ (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)
• BCH (17.50): ผลการดำเนินงานมีแนวโน้มได้รับแรงหนุนจากจำนวนผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ในช่วงต้นปีที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในรอบหลายปี ตัดขาดทุน 15 บาท
• AP (25): กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ อยู่ในสถานะมีการถือครองต่ำ (under-owned) และมีโอกาสฟื้นตัวในช่วงปันผล XD 0.60 บาท 7 พ.ค. ตัดขาดทุน 8.60 บาท
• RATCH (30) : หุ้น Defensive ที่ปัจจุบันซื้อขาย PER 7 เท่า และให้ผลตอบแทนปันผลทั้งปี 6% (ปันผลที่จะถึง 0.80 บาท XD 17 มี.ค.) ตัดขาดทุน 25 บาท
• SORKON (5): ผลประกอบการยังอยู่ในทิศทางฟื้นตัว ทั้งจากฟาร์มสุกล และผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์แปรรูปที่ต้นทุนการผลิตลดลง PER 10 เท่า ให้ปันผล 5% ตัดขาดทุน 4.00 บาท
ประเด็นที่น่าสนใจ
- จับตา "ทรัมป์" เขย่าโลก แถลงคองเกรสวันพุธ 9 โมงเช้า
- ISM เผยดัชนีภาคการผลิตสหรัฐต่ำกว่าคาดในเดือนก.พ.
- เงินเฟ้อยูโรโซน ลดลงน้อยกว่าคาด เดือน ก.พ.เหลือ 2.4% จับตาประชุม ECB คาดหั่นดอกเบี้ยต่อ
- รมว.คลัง เตรียมตรวจสอบคุณสมบัติ “สมชัย สัจจพงษ์” นั่งประธานบอร์ดธปท.
- ANAN โชว์ฟอร์มแกร่งหลังปี 67 เทิร์นอะราวด์มีกำไรในรอบ 5 ปี
- บทวิเคราะห์วันนี้ : Oil&Gas คงน้ำหนัก Market Weight โดย Top picks คือ BCP และ IVL/ BJC แนะนำ ซื้อ เป้า 28 บาท/ PSH แนะนำ ขาย เป้า 4.70 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
5 มี.ค. – ISM Service PMI
6 มี.ค. – ECB Interest Rate Decision, ผลประกอบการ JD/ Costco/Broadcom
7 มี.ค. – US Nonfarm Payrolls, Unemployment rate