กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ : บล.เคจีไอฯ ปรับฐานลงต่อ ความเสี่ยงสูงขึ้นต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ

ทิศทางตลาดหุ้นไทยน่าจะเทรด Sideways Down ในสัปดาห์นี้ ในสัปดาห์ที่แล้ว (10-14 กุมภาพันธ์) ตลาดหุ้นไทยยังคงปรับตัวลงต่อ ซึ่งอ่อนแอกว่าที่คาดเอาไว้เล็กน้อย เพราะเหตุผลดังต่อไปนี้
ข้อแรก ปัจจัยเศรษฐกิจโลกยังมีความไม่แน่นอนสูง เพราะนโยบายภาษีของ Trump หลายรายการยังอยู่ในช่วงของการศึกษา ในขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวในระดับหนึ่งแต่อัตราเงินเฟ้อยังไม่ปรับลดลงง่าย ๆ
ข้อที่สอง หุ้น mega-cap อย่าง DELTA* ร่วงแรงหลังจากที่ผลประกอบการ 4Q67 อ่อนแอกว่าที่คาดไว้ ทำให้ตลาดปรับลดประมาณการกำไรและราคาเป้าหมายลง
สำหรับในสัปดาห์นี้ (17-21 กุมภาพันธ์) เราคาดว่าดัชนี SET จะยังขยับลงต่อแบบ sideways down จากเหตุผลดังต่อไปนี้
ข้อแรก ภาวะตลาดหุ้นทั่วโลกมีแนวโน้มจะเข้าสู่โหมด risk-off เพิ่มขึ้น จากกระแสความกังวลระลอกใหม่เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลังจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญอย่างเช่น ยอดขายบ้านมือสองเดือนมกราคม และ flash service PMI ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดเอาไว้ อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยบวกอยู่บ้าง อย่างเช่น การแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจะส่งผลดีต่อค่าเงินใน EM และ ค่าเงินบาท และยังจะช่วยจำกัด downside ของ EM ด้วย
ข้อที่สอง เรามองว่านักลงทุนอาจจะผิดหวังกับการตัดสินนโยบายการเงินของ กนง. ในวันพุธนี้หลังจากที่ตัวเลข GDP 4Q67 อ่อนแอ และ มีการกระตุ้นจากภาครัฐเพิ่มขึ้น ทำให้นักเศรษฐศาสตร์บางสำนักมีความหวังมากขึ้นว่า กนง. อาจจะลดดอกเบี้ยลง อย่างไรก็ตาม เรามองว่ามีความเป็นไปได้ต่ำที่กนง. จะตัดสินใจลดดอกเบี้ยในสัปดาห์นี้
สัปดาห์นี้ ติดตามประเด็นเศรษฐกิจหลากหลายทั้งในฝั่งไทยและสหรัฐฯ
ปัจจัยต่างประเทศ: นักลงทุนควรติดตาม i) ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ อย่างเช่น การปรับ GDP 4Q67 ครั้งที่สอง, ยอดขอสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ (27 กุมภาพันธ์) และ อัตราเงินเฟ้อ PCE เดือนมกราคม (28 กุมภาพันธ์) ii) กระแสข่าวเกี่ยวกับนโยบายภาษีของ Trump โดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับอัตราภาษีโต้กลับ (reciprocal tariff)
ปัจจัยในประเทศ: นักลงทุนควรติดตาม i) ช่วงสุดท้ายของการประกาศผลประกอบการ 4Q67 ii) ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ อย่างเช่น การส่งออกผ่านพิธีศุลกากรเดือนมกราคม และ รายงงานภาวะเศรษฐกิจรายเดือนของ ธปท. iii) การตัดสินอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. (26 กุมภาพันธ์)
เน้นเทรดดิ้งรายตัวในระยะสั้น เรายังคงชอบกลุ่มการบริโภค, กลุ่มธนาคาร และกลุ่มไฟแนนซ์
เรายังคงแนะนำให้นักลงทุนรอให้ตลาดย่อยผลประกอบการ 4Q67 ที่ออกมากลาง ๆ ในช่วงหลายวันนี้ไปก่อน ในขณะเดียวกัน เรายังคงมองว่าหุ้นกลุ่มผู้บริโภค, ธนาคาร และ ไฟแนนซ์มีแนวโน้มจะ outperform ตลาดได้ โดยในกลุ่มผู้บริโภค เราชอบ CPALL* และ CRC* ซึ่งคาดว่าผลประกอบการ 4Q67 จะแข็งแกร่ง และ โมเมนตัมใน 1Q68 มีแนวโน้มสดใส นอกจากนี้ เรายังชอบธีมเกี่ยวกับ upside ของการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลของ KBANK* และ KTB* ด้วย ส่วนในกลุ่มไฟแนนซ์ เรามองว่าความกังวลรอบใหม่เกี่ยวกับโมเมนตัมเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจจะทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ลดลง ซึ่งจะส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ของไทย โดยในกลุ่มนี้เรายังคงชอบ MTC*







