วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ BBGI ประเทศไทยปรับลดไบโอดีเซลภาคบังคับเป็นดีเซล B5

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ BBGI ประเทศไทยปรับลดไบโอดีเซลภาคบังคับเป็นดีเซล B5

คาดว่ากำไรสุทธิใน 4Q67F จะอยู่ที่ 24 ล้านบาท ลดลง 69% YoY แต่ฟื้นตัวขึ้น QoQ จากขาดทุนสุทธิ 12 ล้านบาทใน 3Q67 โดยกำไรที่ลดลง YoY เป็นเพราะเราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นของเอทานอลจะลดลงเหลือ -3.0% ใน 4Q67F จาก 3.9% ใน 4Q66

เนื่องจากราคาเอทานอลในประเทศลดลง 8% YoY เหลือ 28.0บาท/ลิตร ใน 4Q67 จากความคาดหมายว่าผลผลิตอ้อยในประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นเป็น 93 ล้านตันในปี 2568F (+13% YoY) ในขณะเดียวกันผลประกอบการที่ฟื้นตัวขึ้น QoQ เป็นเพราะเราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นของไบโอดีเซลจะเพิ่มขึ้น QoQ เป็น 5.5% ใน 4Q67F จาก 4.3% เนื่องจากราคาไบโอดีเซลในประเทศพุ่งสูงขึ้นถึง 22% QoQ เป็น 43.5 บาท/ลิตร เพราะ i) สต็อก CPO ในประเทศไทยต่ำมากโดยอยู่ที่ 201,287 ตัน ณ สิ้นปี 2567 และ ii) อุปสงค์ CPO ในภูมิภาคแข็งแกร่งขึ้นก่อนที่จะมีการบังคับใช้น้ำมันดีเซล B40 ในประเทศอินโดนีเซียในช่วงต้นปี 2568 แต่อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าปริมาณยอดขายไบโอดีเซลจะลดลง 8% QoQ เหลือ 103 ล้านลิตร หลังจากที่กระทรวงพลังงานลดไบโอดีเซลภาคบังคับจากน้ำมันดีเซล B7 เป็น B5 โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 เพื่อสะท้อนถึงราคา CPO ที่พุ่งกระฉูดในทำนองกลับกัน เราคาดว่าปริมาณยอดขายเอทานอลของบริษัทจะพุ่งสูงขึ้นถึง 60% QoQ เป็น 82 ล้านลิตร เพราะแผนการขายของผู้บริหารวางไว้ขายเยอะในช่วงท้ายปี

ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2567F/2568F ลง 40%/32% 

เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2567F ลง 40% เหลือ 171 ล้านบาท และปี 2568F ลง 32% เหลือ 463
ล้านบาท เนื่องจากเราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นของเอทานอลจะลดลง และส่วนแบ่งกำไรจะลดลงจากโครงการ SAF ซึ่ง Bangchak Corporation (BCP.BK/BCP TB)* และ BBGI ถือหุ้น 80% และ 20%ตามลำดับ ทั้งนี้เราปรับลดสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นของเอทานอลปี 2567F ลงจาก 1.5% เหลือ -0.8% และปี 2568F จาก 2.5% เหลือ 2.0% เพื่อสะท้อนถึง margin ที่ติดลบใน 2H67F หลังจากที่ราคาเอทานอลในประเทศลดลงมาอยู่ที่ 28.0 บาท/ลิตร ใน 4Q67 ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดในรอบปี นอกจากนี้เรายังปรับลดประมาณการส่วนแบ่งกำไรจากโครงการ SAF ที่ส่งมาที่ BBGI ในปี 2568F จาก 196 ล้านบาทเหลือศูนย์หลังจากที่ spread ของ

 

 

SAF ลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากสมมติฐานเดิมของเรา ทั้งนี้ถ้าหากประเมินแล้วว่าโครงการ SAF จะมีผลขาดทุน BCP มีแผนจะเลื่อนกำหนดวันเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) จากเดิมที่วางแผนเอาไว้ใน 2Q68F

Valuation & action

เราปรับลดราคาเป้าหมายปี 2568F ลงเหลือ 5.80 บาท จากเดิม 9.40 บาท อิงจาก PE ที่ลดลงเหลือ 18.0x
จากเดิม 20.0x เพื่อสะท้อนถึง i) การปรับลดประมาณการกำไรลงจากเดิม และ ii) การที่ประเทศไทยปรับลดไบโอดีเซลภาคบังคับจากน้ำมันดีเซล B7 เป็น B5 มีผลตั้งแต่วันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 แต่อย่างไรก็ตาม เรายังคงคำแนะนำซื้อ BBGI เพราะคาดว่ากำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้น QoQ ใน 4Q67F นอกจากนี้ เรายังคาดว่ากำไรของบริษัทจะโตถึง 171% YoY เป็น 463 ล้านบาทในปี 2568F โดยหลักๆ จะมาจาก i) คาดปริมาณยอดขายเอทานอลที่เพิ่มขึ้นเป็น 237 ล้านลิตร (+18% YoY) ตามแผนของผู้บริหารที่จะเพิ่มอัตราการใช้กำลังการผลิตเอทานอล และ ii) คาดอัตรากำไรขั้นต้นของเอทานอลที่เพิ่มขึ้นเป็น 2.0% (เพิ่มขึ้น YoY จาก -0.8%) เพราะได้อานิสงส์จากต้นทุนอ้อยที่ลดลงในปีนี้

Risk

ความผันผวนของ margin เอทานอลและไบโอดีเซล, ปริมาณยอดขายของทั้งสองผลิตภัณฑ์ และแผนเริ่ม
ดำเนินโครงการ SAF ใน 2Q68F

 

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ BBGI ประเทศไทยปรับลดไบโอดีเซลภาคบังคับเป็นดีเซล B5

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ BBGI ประเทศไทยปรับลดไบโอดีเซลภาคบังคับเป็นดีเซล B5

 

 

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ BBGI ประเทศไทยปรับลดไบโอดีเซลภาคบังคับเป็นดีเซล B5

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ BBGI ประเทศไทยปรับลดไบโอดีเซลภาคบังคับเป็นดีเซล B5