วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ Healthcare Sector - ราคาหุ้นไม่แพง

สำหรับกลุ่มโรงพยาบาลในประเทศไทย เรามองว่าผลประกอบการของโรงพยาบาลส่วนใหญ่จะแผ่วลง QoQ ใน 4Q เพราะจำนวนผู้ป่วยลดลงในเดือนธันวาคม
ดังนั้น เราจึงคิดว่า 4Q67F น่าจะเป็นรูปแบบเดียวกันหลังจากผ่านไตรมาสที่แข็งแกร่งที่สุดไปแล้วใน 3Q67 ซึ่งกำไรจากธุรกิจหลักรวมใน 3Q67 ของโรงพยาบาลที่เราศึกษาอยู่ที่ 7.17 พันล้านบาท (+7.0% YoY, +23.7% QoQ) สำหรับใน 4Q67F เราคาดว่ากำไรของโรงพยาบาลน่าจะยังเพิ่มขึ้น YoY จากจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น แต่จะยังคงได้รับผลกระทบจากปัจจัยฤดูกาลอยู่ ซึ่งหมายความว่ากำไรใน 4Q67 น่าจะลดลง QoQ นอกจากนี้ เรายังเชื่อว่ารูปแบบของผลประกอบการในไตรมาสแรกน่าจะยังไม่เปลี่ยนแปลง และกำไรใน 1Q68 จะไม่น่าตื่นเต้น ยกเว้นของ Bumrungrad Hospital (BH.BK/BH TB)* ซึ่งเราคาดว่าจะเป็นโรงพยาบาลเดียวที่น่าสนใจ เพราะตามปกติแล้วไตรมาสแรกจะเป็นไตรมาสที่กำไรสูงที่สุดในรอบปี
โรงพยาบาลที่มีผู้ป่วยคูเวตเผชิญกับความท้าทาย
หลังจากที่ผู้ป่วยชาวคูเวตไม่มาใช้บริการของ BH และ Bangkok Chain Hospital (BCH.BK/BCH TB)* มานานหนึ่งปี โดยทั้งสองโรงพยาบาลยังไม่แน่ชัดว่า ผู้ป่วยกลุ่มนี้จะกลับมาใช้บริการอีกหรือไม่ เพราะรัฐบาลคูเวตยังไม่ได้ประกาศรายชื่อโรงพยาบาลที่สามารถใช้เป็นทางเลือกในการรักษาพยาบาล ดังนั้น แนวโน้มกำไรของ BH จึงจะถูกกดดันในระยะสั้น เพราะบริษัทจะไม่สามารถทำสถิติกำไรสูงสุดใหม่ได้เหมือนเคย ส่วน BCH* ก็เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่จะได้รับผลกระทบจากประเด็นนี้ เพราะก่อนหน้านี้ รายได้จากการที่รัฐบาลคูเวตส่งผู้ป่วยเข้ารับการรักษาที่ WMC คิดเป็นสัดส่วน 5-6% อย่างไรก็ตาม เราคิดว่าราคาหุ้นของโรงพยาบาลทั้งสองแห่งน่าจะสะท้อนข่าวลบนี้ไปเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ เรายังเชื่อว่าการกลับมาของผู้ป่วยคูเวตจะเป็นปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้น BH* และ BCH* ได้อย่างมีนัยสำคัญเมื่อข่าวของรัฐบาลคูเวตชัดเจนขึ้นแล้ว
จะเริ่มใช้แนวทาง Co-payment ในวันที่ 1 มีนาคม
ประเทศไทยจะนำแนวทางประกันสุขภาพแบบมีส่วนร่วมจ่าย (co-payment) มาใช้กับโรงพยาบาลเอกชน
ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2568 โดยตั้งเป้าไปที่กลุ่มผู้ป่วยที่มีประกันและใช้สิทธิ์เบิกประกันสูงมาก ๆ เราคาดว่าการนำแนวทางนี้มาใช้จะส่งผลกระทบกับรายได้ และกำไรของกลุ่มโรงพยาบาลไม่มากนัก (น้อยกว่า 3%) ซึ่งจากประเด็นนี้ BDMS มีสัดส่วนรายได้จากผู้ป่วยใช้สิทธิ์ประกันสูงที่สุดที่ 37% ในงวด 9M67 ในขณะที่โรคที่รักษาได้ง่าย หรือโรคทั่วไปคิดเป็นสัดส่วน 5%-20% ของรายได้จากผู้ป่วยใช้สิทธิ์ประกันซึ่งจะส่งผลกระทบกับกำไรสุทธิประมาณ 2%-7% RW>2 สำหรับผู้ป่วยประกันสังคมจะเป็นบวกกับโรงพยาบาลที่มีรายได้จากผู้ป่วยประกันสังคมในที่สุด สำนักงานประกันสังคม (SSO) ก็รับรองการจ่ายเงิน 12,000 บาท/RW สำหรับค่ารักษาพยาบาลโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง (RW>2) ตั้งแต่เดือนมกราคม 2568 ซึ่งจะเป็นบวกกับ BCH และ CHG ในแง่ของการรับรองรายได้ในอนาคตจากการให้บริการ RW>2
Valuation & Action
เมื่อพิจารณาจาก PE ของกลุ่ม เราพบว่า PE ลดลงมาอยู่ที่ 24.7x ในปี 2567F (จาก 41.0x ในปี 2558) ซึ่งต่ำ
กว่าค่าเฉลี่ยของหุ้นโรงพยาบาลในภูมิภาคที่ 32.7x เมื่ออิงจากกำไรปี 2567F และ 26.9x เมื่ออิงจากกำไรปี
2568F ดังนั้น เราจึงยังคงให้น้ำหนักหุ้นกลุ่มนี้ที่ Overweight โดยเลือก BDMS และ BCH เป็นหุ้นเด่นของ
เราในกลุ่มนี้ และยังคงแนะนำซื้อ โดยประเมินราคาเป้าหมายด้วยวิธี DCF ที่ 39.00 บาท และ 21.70 บาท
ตามลำดับ
Risks
COVID-19 ระบาด และเศรษฐกิจฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดไว้