วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก วิตกภาษีทรัมป์

วันศุกร์ที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อนไหว Sideway Down โดยมีแรงกดดันจาก Fund Flow นักลงทุนต่างชาติไหลออก มีแรงขายมากในหุ้นกลุ่มค้าปลีก นำโดย CPALL จากปัจจัยเฉพาะตัว นอกจากนี้มีแรงขายเพิ่มเติมในหุ้นกลุ่มไอซีที อิเล็กทรอนิกส์ และธนาคาร
ขณะที่นักลงทุนจับตาการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐ ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,314.50 จุด -21.14 จุด -1.58% มูลค่าการซื้อขาย 53,362.68 ลบ. (ในสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนี -39.57 จุด -2.92% และเดือนที่ผ่านมา -85.71 จุด -6.12%) Program Trading -2,515.56 ลบ. ต่างชาติ -3,164.65 ลบ. TFEX -7,159 สัญญา ตราสารหนี้ -9,200.62 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ แหล่งข่าวด้านความมั่นคงเผยว่ากองทัพอิสราเอลถอนกำลังทั้งหมดออกจากพื้นที่ตะวันตกของเลบานอนตอนใต้แล้ว เพื่อเปิดทางให้กองทัพเลบานอนเข้าควบคุมพื้นที่
ปัจจัยลบ
- ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 337.47 จุด หรือ -0.75% หลังทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีนำเข้า 25% สำหรับสินค้าจากแคนาดาและเม็กซิโก และ 10% สำหรับสินค้าจากจีนตั้งแต่วันเสาร์ที่ 1 ก.พ.
- สัญญาน้ำมันดิบปิดลดลง 20 เซนต์ หรือ -0.27% ปิดที่ 72.53 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับการที่สหรัฐฯ จะเก็บภาษีจากสินค้านำเข้า ของเม็กซิโกและแคนาดาในวันเสาร์นี้ (1 ก.พ.) โดยทั้ง 2 ประเทศเป็นผู้ส่งออกน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดให้แก่สหรัฐฯ
- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เตือนไปยังประเทศสมาชิกกลุ่ม BRICS อีกครั้งว่าอย่าคิดเปลี่ยนไปใช้สกุลเงินอื่นแทนดอลลาร์สหรัฐ ถ้าไม่อยากถูกเก็บภาษีนำเข้า 100%
- ทางด้านนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ของแคนาดาประกาศว่าจะตอบโต้สหรัฐฯ ด้วยการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯในอัตรา 25% ครอบคลุมตั้งแต่เครื่องดื่มจนถึงเครื่องใช้ไฟฟ้า ขณะที่เม็กซิโกประกาศว่าจะตอบโต้ด้วยการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ เช่นกัน ส่วนรัฐบาลจีนประกาศว่าจะยื่นคำร้องต่อองค์การ การค้าโลก (WTO) เพื่อคัดค้านมาตรการดังกล่าวของสหรัฐฯ
- ตลท. สรุปมูลค่าซื้อขายหลักทรัพย์สะสมตามกลุ่มนักลงทุนตั้งแต่วันที่ 1-31 มกราคม 2568 2567 พบว่าสถาบันในประเทศ ขายสุทธิ 1,178.26 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 1,476.89 ล้านบาทนักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 11,334.28 ล้านบาท นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 11,035.65 ล้านบาท
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสปรับตัวลงตามทิศทางตลาดต่างประเทศ โดยมีแรงกดดันจากประธานาธิบดีสหรัฐเรียกเก็บภาษีนำเข้า ซึ่งประเทศต่างๆมีทีท่าว่าจะออกมาตรการเพื่อตอบโต้ มองกรอบดัชนี 1,300-1,320 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• หุ้นที่ได้ประโยชน์โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” : KBANK SCB BBL TTB
• หุ้น ESG ดีเยี่ยม : ADVANC GULF BBL BEM RATCH CPN
• หุ้นได้ประโยชน์ Easy-E receipt : CRC COM7 ERW CENTEL MINT M AU TNP SIS SYNEX IP HL
• หุ้นเด่น IAA : AOT ADVANC BDMS CPALL
• Chat with Tony : VGI BTS BEM GULF INTUCH
• Sentiment เชิงบวกจาก บ้านเพื่อไทย : CK STECON CRD
หุ้นรายงานพิเศษ
PRM "ซื้อ" Bloomberg Consensus 10.27 บาท มีอัพไซต์ 42%
"มุมมองเป็นกลางต่อแนวโน้มกำไร 4Q67 แต่มองบวกต่อแนวโน้มกำไรปี 68"
•(0) PRM คาดแนวโน้ม Core Profit 4Q67 อ่อนตัวลงทั้ง YoY QoQ จากการนำเรือใหญ่ 3 ลำ เข้าอู่ซ่อมบำรุงตั้งแต่ช่วงธ.ค.67 - ก.พ.68 อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการจะได้ แรงหนุนจากกำไร FX พลิกจากช่วงไตรมาสก่อนที่ขาดทุน FX ได้ประโยชน์จากเงินบาท ที่อ่อนค่าลง ส่งผลให้ Net Profit มีแนวโน้มโต QoQ แต่คงอ่อนลง YoY จาก 4Q66 ที่ฐานสูงเนื่องจากมีกำไรพิเศษจากการขายเรือ 1 ลำ (คาดงบไตรมาส 4/2567 ประกาศวันที่ 26 ก.พ.68)
•ความเห็น เรามีมุมมองเป็นกลางต่อแนวโน้มกำไร 4Q67 แต่มองบวกต่อแนวโน้มกำไร ปี 68 คาดจะทยอยฟื้นโตตั้งแต่ 1Q68 เป็นต้นไป จากการที่เรือที่เข้าอู่ซ่อมบำรุงทยอยกลับเข้างาน ประกอบกับการขยายเพิ่มการให้บริการ โดยล่าสุดเมื่อ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา เพิ่งเริ่มให้บริการเรือ 2 ลำใหม่กับกลุ่ม Abu Dhabi National Oil Company (ADNOC) ทั้งนี้ Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 67-68 ราว 2,146 ลบ. +1%YoY (9M67 คิดเป็น 77%) และ 2,426 ลบ. +13%YoY ตามลำดับ ส่วนราคาเหมาะสม 10.27 บาท มีอัพไซต์ 42% "ซื้อ"
หุ้นมีข่าว
(+) OR (ราคาเหมาะสม 15.10 บาท) เปิดวิสัยทัศน์ CEO คนใหม่เร่งสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน เร่งเครื่องชิงมาร์เก็ตแชร์กลับมาที่ 38% ควบคู่สร้างการเติบโตทุกกลุ่มธุรกิจ ทั้งจากภายในองค์กร และดีล M&A ดันรายได้รวมโต 3% พร้อมตั้งงบลงทุนปีนี้ 1.9 หมื่นล้านบาท เดินหน้าลงทุนเทคโนโลยี IT สร้าง Synergy ระหว่างธุรกิจน้ำามันกับธุรกิจนอนออยล์ ย้ำแผนลงทุนอีวีชาร์จ 5 พัน หัวจ่าย ภายใน 5 ปี สอดคล้องกับจำนวนรถ EV ที่เติบโตช้าลง (ที่มา ทันหุ้น)
(+) KBANK (Bloomberg Consensus 175.00 บาท) เปิดเผยแผนการดำเนินงาน ยังไม่มีการซื้อหุ้นคืน เน้นการจ่ายเงินปันผลมากกว่า ทั้งนี้ยังได้จับมือกับ BAM จัดตั้งบริษัท ARUN AMC โดยถือหุ้นคนละ 50% หวังให้ NPL ธนาคารลดลง ดัน ROE โตมากกว่า 10% ในปี 2569 ขณะที่ทางบริษัท ARUN AMC จะเริ่มสร้างรายได้ภายใน 2 ปี โดยปีนี้ตั้งเป้าหมายซื้อหนี้ด้อยคุณภาพจากธนาคารกสิกรไทย 50,000-60,000 ล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)
(+) ASAP (Bloomberg Consensus - บาท)รับอานิสงส์นโยบาย Easy E-Receipt ภาครัฐ หนุนยอดเช่ารถคึกคัก พร้อมปั๊มผลงานปี 2568 ทะยานต่อเนื่องจากปีก่อน ออเดอร์ขายรถรอบุ๊กเพียบ-ธุรกิจเดิมสดใส แถมเดินหน้าส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้า (EV) อีกราว 2,000 คัน หลังจบ MOTOR EXPO 2024 สดใส (ที่มา ทันหุ้น)
(+) PJW (Bloomberg Consensus 3.19 บาท) เดินเกมรุก ปั้นธุรกิจ New S-Curve อาทิ งานบริการซักผ้าอุตสาหกรรมและวัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ ประกาศตอกย้ำรายได้เพิ่ม 25% พร้อมหนุนอัตรากำไรขั้นต้นเติบโตกว่า 20% เพิ่มเป็น 20-23% จาก 18% ในรอบ 9 เดือน ปี 2567 และ 20% ในปี 2566 พร้อมวางเป้าหมายสัดส่วนรายได้จากธุรกิจใหม่เพิ่มเป็น 1 ใน 3 ของพอร์ต (ที่มา ทันหุ้น)