วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก Sideway

วันอังคารที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อนไหวผันผวน โดยยังคงมีแรงขายกดดันจากหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ นำโดย DELTA ได้รับ Sentiment เชิงลบจากหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐปรับตัวลงแรง
อย่างไรก็ตามได้แรงซื้อหนุนในช่วงท้ายตลาดจากกลุ่มค้าปลีก พลังงาน และธนาคาร นักลงทุนจับตาผลการประชุมเฟดในช่วงเช้าของวันที่ 30 ม.ค.นี้ ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,345.77 จุด +4.83 จุด +0.36% มูลค่าการซื้อขาย 36,715.88 ลบ. Program Trading +1,196 ลบ. ต่างชาติ +1,918 ลบ. TFEX -20,963 สัญญา ตราสารหนี้ +3,884 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 136.77 จุด หรือ +0.31% ขณะที่ดัชนี Nasdaq และ S&P500 ปิดบวกเช่นกัน โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนช้อนซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งรวมถึงหุ้นอินวิเดีย (Nvidia) ที่ร่วงลงอย่างหนักในวันจันทร์
+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 60 เซนต์ หรือ +0.82% ปิดที่ 73.77 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยราคาน้ำมันฟื้นตัวหลังจากดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบหลายสัปดาห์ ขณะที่นักลงทุนจับตาผลกระทบจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ วางแผนจะใช้มาตรการภาษีศุลกากรต่อแคนาดาและเม็กซิโกในสัปดาห์นี้
+ โฆษกขององค์การสหประชาชาติ (UN) เปิดเผยว่า สหรัฐฯ ได้แจ้งต่อ UN ถึงแผนการถอนตัวออกจากข้อตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอีกครั้ง
+ กพท.มั่นใจอุตสาหกรรมการบินปี 2568 ฟื้นตัว เติบโตเท่าช่วงก่อนโควิด-19 หลังตัวเลขปี 67 ผู้โดยสารพุ่ง 140 ล้านคน คาดปี 68 กลับมาปกติ เท่าปี 62 ก่อนโควิด-19 อยู่ที่ 160 ล้านคน
+ ก.คลังมั่นใจเศรษฐกิจไทยปี 68 โตทะลุ 3% ไตรมาส 2 เตรียมแจกเงินหมื่นเฟส 3 วงเงิน 1.5 แสนล้านบาท
ปัจจัยลบ
- กระทรวงเศรษฐกิจไต้หวันออกมาตอบโต้การขู่ขึ้นภาษี ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยระบุว่า ความร่วมมือด้าน เซมิคอนดักเตอร์ระหว่างไต้หวันและสหรัฐฯ เป็นความสัมพันธ์ ที่เกื้อกูลกันอย่างมาก
- สหรัฐฯ พบการระบาดของไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N9 ในสัตว์ปีกเป็นครั้งแรกที่ฟาร์มเป็ดแห่งหนึ่งในรัฐแคลิฟอร์เนีย ตามรายงานขององค์การอนามัยสัตว์โลก (WOAH)
- ผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐฯ ปรับตัวลงสู่ระดับ 104.1 ในเดือนม.ค. จากระดับ 109.5 ในเดือนธ.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 105.6
- ส.อ.ท.สรุปยอดผลิตรถยนต์ทั้งปี 67 ได้ 1.46 ล้านคัน ลดลง 19.95% จากปีก่อน เผยยอดขาย 54,016 คัน ลดลง 20.94% ตั้งเป้าใหม่ปี 68 ยอดผลิตรวม 1.5 ล้านคัน เติบโต 2.11% จากปีก่อน
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้ยังแกว่งตัวในลักษณะ Sideway ออกข้าง โดยยังขาดปัจจัยใหม่เข้ากระทบตลาด นักลงทุนยังจับตาการประกาศงบของบริษัทจดทะเบียนอย่างใกล้ชิด มองกรอบดัชนี 1,330-1,345 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• หุ้นที่ได้ประโยชน์โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” : KBANK SCB BBL TTB
• หุ้น ESG ดีเยี่ยม : ADVANC GULF BBL BEM RATCH CPN
• หุ้นได้ประโยชน์ Easy-E receipt : CRC COM7 ERW CENTEL MINT M AU TNP SIS SYNEX IP HL
• หุ้นเด่น IAA : AOT ADVANC BDMS CPALL
• Chat with Tony : VGI BTS BEM GULF INTUCH
• Sentiment เชิงบวกจาก บ้านเพื่อไทย : CK STECON CRD
หุ้นรายงานพิเศษ
ADVANC "ซื้อเมื่ออ่อนตัว" (Bloomberg Consensus 299.00 บาท)
"Defensive Stock เหมาะกับการลงทุนในช่วงตลาดผันผวน"
•ผลประกอบการใน 3Q67 มีรายได้เท่ากับ 52,209 ล้านบาท +13.0%YoY จากการรับรู้รายได้ของ TTTBB และการเติบโตปกติของบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่และบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และการเติบโตของ ARPU และจำนวนเลขหมายที่เพิ่มขึ้น เป็นผลจากการมุ่งเน้นบริการที่สร้างมูลค่าเพิ่ม หากเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อน +1.7%QoQ เนื่องจากการขายอุปกรณ์ เพิ่มสูงขึ้น ตามช่วงการเปิดตัว iPhone 16 ในปลาย ก.ย. 67 ในส่วนของ EBITDA อยู่ที่ 27,696 ล้านบาท เติบโต +17%YoY ตามการเติบโตของรายได้การให้บริการหลักและผลกระทบเชิงบวกจากการรวม EBITDA ของ TTTBB ทั้งนี้ EBITDA ทรงตัว +0.3%QoQ ตามผลประกอบการที่ดีขึ้นชดเชยกับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่สูงขึ้น บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 8,788 ล้านบาท +7.9%YoY ตามผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นและส่วนแบ่งกำไรจาก 3BBIF (เริ่มรับรู้ตั้งแต่ 4Q66) และ +2.5%QoQ จากกำไรอัตราแลกเปลี่ยนและต้นทุนการเงินที่ลดลง โดยบริษัทมีกำไรสุทธิในช่วง 9M67 เท่ากับ 25,816 ล้านบาท +17%YoY
•ความเห็น : เรามีมุมมองเป็นบวกต่อผลประกอบการ 4Q67 โดยคาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโต QoQ และ YoY ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงที่แข็งแกร่ง และ บริหารต้นทุนด้านเครือข่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และได้รับอานิสงส์ จากภาวะเศรษฐกิจที่มีปัจจัยเชิงบวกมากขึ้น ประกอบกับเป็น Defensive Stock เหมาะกับการลงทุนในช่วงตลาดผันผวน ราคาปัจจุบันใกล้เคียงราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus เราจึงแนะนา “ซื้อเมื่ออ่อนตัว”
หุ้นมีข่าว
(-) OSP (“ถือ” Bloomberg consensus 25.50 บาท)
ประเด็นลบงบ 4Q67 preview 4Q67 กำไรถูกกดดันจากส่วนแบ่งการตลาดที่ปรับตัวลงจาก 3Q67 ที่ 45.4% เหลือ 45.0% และค่าใช้จ่าย SG&A ที่เพิ่มขึ้นอีกทั้งมuค่าใช้จ่ายพิเศษจาก FX LOSS อย่างไรก็ตามคาดรายได้เติบโต QoQ และ YoY
คาดกำไรปี 68 จะเติบโต YoY เนื่องจากไม่มีการบันทึกด้อยค่าสูงเหมือนปี 67 และเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ M150 ฝาเหลืองราคา 10 บาทเพื่อบุกตลาดโชห่วยพร้อมตั้งเป้าเพิ่ม MKT Share จาก 45% กลับสู่ 50% อย่างไรก็ตาม SG&A จะเพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายโปรโมชั่นที่เพิ่มขึ้น
(-) CBG (“ถือ” Bloomberg Consensus 93.25 บาท)
คาดได้รับผลกระทบจากที่คู่แข่งหลักอย่าง OSP ที่เดือน ก.พ. 68 ในวาระครบรอบ 40 ปีเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ M150 ฝากเหลือราคา 10 บาทเพื่อชิงส่วนแบ่งการตลาดที่สูญเสียให้เครื่องดื่มคาราบาวแดง โดยตั้งเป้าบุกตลาดโชห่วย ซึ่งเป็นตลาดหลักที่คาราบางแดงเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดอย่างต่อเนื่อง
(+) WHA (Bloomberg Consensus 23.00 บาท) ปักธง 5 ปี (68-72) รายได้แตะ 1.5 แสนล้านบาท จากทุกธุรกิจโตแกร่ง ตั้งงบลงทุน 1.19 แสนล้านบาท เชื่อรายได้และส่วนแบ่งกำไรกว่า 2 หมื่นล้านบาท EBITDA Margin มากกว่า 45% พร้อมคาดยอดขายที่ดินปี 2568 จานวน 2.35 พันไร่ รับอานิสงส์ย้ายฐานผลิตมาไทย แย้มอยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้ากว่า 100 ราย จ่อประกาศดีลขายที่ดิน "พันไร่" ช่วงเดือนกุมภาพันธ์นี้ (ที่มา ทันหุ้น)
(+) COCOCO (Bloomberg Consensus 132.00 บาท) บอร์ดไฟเขียวทุ่มงบลงทุน 430 ล้านบาท ตั้งโรงงานในประเทศฟิลิปปินส์ หนุนกำลังการผลิตกะทิจะเพิ่มเป็น 155,000 ตันต่อปี จากเดิม 99,000 ตันต่อปี รองรับการผลิตสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์กะทิ หลังคาสั่งซื้อเพิ่มขึ้น ทั้งในปัจจุบันและอนาคต หวังขยายยอดขายสหรัฐ-ยุโรป เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน พร้อมคาดเริ่มผลิตและสร้างรายได้เชิงพาณิชย์ภายในไตรมาส 1/2569 หนุนการเติบโตต่อเนื่อง (ที่มา ทันหุ้น)







