วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ PFund-REITs-IFF ฤดูกาลท่องเที่ยวจะหนุนกองทุนที่เกี่ยวข้อง

ฤดูกาลท่องเที่ยวแข็งแกร่งมาพร้อมกับปัจจัยลบที่กระทบต่อนักท่องเที่ยวจีน
จากข้อมูลกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬารายงานว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2567 มีจำนวน 35.5 ล้านคน (+26% YoY) โดยที่ 5 อันดับแรกได้แก่ จีน มาเลเซีย อินเดีย เกาหลีใต้ และรัสเซีย ตัวเลขรวมดังกล่าวคิดเป็น 101.4% จากประมาณการรายปีของทีมวิจัย KGI ที่ 35 ล้านคน ขณะที่ช่วง YTD (วันที่ 1-19 มกราคม 2568) จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ 2.14 ล้านคน (+18.6% YoY) คิดเป็น 5.6% ของประมาณการรายปีของ KGI ที่ 38 ล้านคนในปี 2568 โดยที่ 5 อันดับแรกคือ จีน มาเลเซีย รัสเซีย เกาหลีใต้ และอินเดีย อย่างไรก็ตาม ความวิตกกังวลเรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวจีนจะทำให้เกิดความรู้สึกในเชิงลบต่อฤดูกาลท่องเที่ยวของประเทศไทยช่วงตรุษจีนในช่วงปลายเดือนมกราคมนี้ ทั้งนี้ เราคิดว่าจะเกิดผลกระทบระยะสั้น (ประมาณ 3 เดือน) เมื่อคำนึงถึงเหตุการณ์ในอดีต นอกจากนี้ รัฐบาลไทยจะต้องร่วมมือกับประเทศอื่น ๆ เพื่อเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดและออกมาตรการต่างๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวจีนหลังเหตุการณ์นี้
กลุ่มธุรกิจโรงแรมและค้าปลีก: ได้รับประโยชน์จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น
ในปี 2567 นักท่องเที่ยวจีนเดินทางกลับมายังประเทศไทยน้อยกว่าที่ควรจะเป็น เนื่องจากเราเชื่อว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนดูชะลอตัวกว่าที่คาดไว้ ดังนั้น โอกาสที่นักท่องเที่ยวจีนจะเพิ่มขึ้น YoY น่าจะเห็นได้ในปี 2568 แต่เรามีความคาดหวังไม่มากนัก เมื่ออิงจากประมาณการของทีมวิจัย KGI สำหรับปี 2568 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมายังประเทศไทย (38 ล้านคน) ต่ำกว่าประมาณการของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (39-40 ล้านคน) ขณะที่เราคิดว่าเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลและสอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบันและความวิตกกังวลเกี่ยวกับประเด็นปัญหานักท่องเที่ยวจีน อย่างไรก็ดี สำหรับกองทุนหลายกองที่
เกี่ยวข้องกับธีมการท่องเที่ยว เราคิดว่าผู้ได้รับประโยชน์ในลำดับต้น ๆ จะเป็นกลุ่มธุรกิจโรงแรมและค้าปลีกใน PFund-REITs-IFF ดังนั้น เราคาดว่าจะเห็นรายได้ต่อห้องต่อคืน (RevPar) แข็งแกร่งขึ้นและอัตราการเข้าพัก (occupancy rate) สูงขึ้นในช่วง 2-3 ปีหน้า สำหรับกองทุนที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มธุรกิจโรงแรม (ได้แก่ กองทุน GROREIT และ LHHOTEL) นอกจากนี้ เรายังคาดว่าการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวต่างชาติจะช่วยเพิ่มผู้ใช้บริการต่าง ๆ หนาแน่นขึ้น (traffic volume) และอำนาจซื้อในกลุ่มธุรกิจค้าปลีก (เช่นกองทุน CPNREIT และ ALLY) ดีขึ้นเช่นกัน
ผลตอบแทนจากพันธบัตรได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว
หลังจากปีแห่งการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องของผลตอบแทนพันธบัตรทั่วโลกและของไทย เราคิดว่าผลตอบแทนของตลาดพันธบัตรได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ขณะที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยอยู่ที่ 2.25% ในเดือนธันวาคม 2567 และคาดว่าจะคงที่ใน 1H68F ก่อนจะลดลงอยู่ที่ 1.50% ใน 2H68F นอกจากนี้ ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 10 ปีขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 2.35% ต่อปี (ณ วันที่ 23 มกราคม) ในขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีอยู่ที่ประมาณ 4.60% ต่อปี ซึ่งถือว่าสูงสำหรับในระดับปัจจุบัน เราคิดว่านักลงทุนกำลังแสวงหา dividend yield ที่สูงน่าสนใจในกองทุน PFund-REITs-IFF (สูงกว่าผลตอบแทนของอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ผลตอบแทนพันธบัตรไทย และผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ) เพื่อรับผลตอบแทนสูงกว่าในระยะยาว ทั้งนี้ ช่วง YTD กลุ่มกองทุน REIT หลายกองให้ dividend yield สูงราว 8.48% ซึ่งสูงอย่างมีนัยสำคัญกว่าการเพิ่มขึ้นของ SET index และผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 10 ปีที่ 3.52% และ 2.35% ตามลำดับ
Recommendation
เรายังคงแนะนำกองทุนต่างๆ ดังนี้: i) กองเด่นระดับแนวหน้า: CPNREIT, WHAIR และ AMATAR และ
ii) กองเด่นระดับรอง: ALLY, GROREIT, LHHOTEL และ PROSPECT
Risks
COVID-19 ระบาด, เศรษฐกิจชะลอตัวลงและการเมืองขาดเสถียรภาพ