วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก ผันผวน

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก ผันผวน

วันพฤหัสบดีที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อนไหว Sideway Down ได้รับแรงกดดันจาก Fund Flow ที่ไหลออก มีแรงขายนำโดยหุ้นกลุ่มพลังงาน จากราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลง ประกอบกับมีแรงขายเพิ่มเติมในหุ้นกลุ่มไอซีที ค้าปลีก และขนส่ง

นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐในการประชุม WEF ช่วงเย็นวานนี้ ขณะที่กระทรวงพาณิชย์เผย ตัวเลขส่งออกขยายตัว 8.7% จากตลาดคาด 7.4% และขยายตัว 5.4% สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,344.17 จุด -17.60 จุด -1.29% มูลค่าการซื้อขาย 34,420.86 ลบ. Program Trading -4,316.06 ลบ. ต่างชาติ -4,388.17 ลบ. TFEX -17,690 สัญญา ตราสารหนี้ +2,711.92 ลบ.

ปัจจัยบวก  

+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 408.34 จุด หรือ +0.92% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เรียกร้องให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยและลดราคาน้ำมันในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุม World Economic Forum (WEF)
+ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินกังวลเกี่ยวกับความบิดเบือน ของเศรษฐกิจรัสเซียในช่วงสงคราม ในขณะที่โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ผลักดันให้รัสเซียยุติความขัดแย้งในยูเครน
+ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ จะผ่อนคลายกฎระเบียบ และปรับลดอัตราภาษีเพื่อทำให้สหรัฐกลายเป็นมหาอานาจด้านการผลิตของโลก
+นายเหอ หย่าตง โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีน กล่าวว่า จีนพร้อมเจรจากับสหรัฐเพื่อแก้ไขความขัดแย้งทางด้านเศรษฐกิจและการค้า
+ กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่าการส่งออกในเดือนธ.ค.67 มีมูลค่า 24,765 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 8.7% จากตลาดคาดโต 7.4% ทั งปี 67 การส่งออกมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 300,529 ล้านดอลลาร์ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขยายตัว 5.4%

ปัจจัยลบ 

- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 82 เซนต์ หรือ -1.09% ปิดที่ 74.62 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เรียกร้องให้ซาอุดีอาระเบียและกลุ่มโอเปคปรับลดราคาน้ำมัน ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุม World Economic Forum (WEF)

- สหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก เพิ่มขึ้น 6,000 ราย สู่ระดับ 223,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 219,000 ราย
- อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของญี่ปุ่นพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 16 เดือนที่ 3%YoY ในเดือนธ.ค. 2567 สนับสนุนโอกาสที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ในปี 2568 การส่งออกไทย จะขยายตัวได้ 2.5% มีแนวโน้มเติบโตต่ำกว่าปี 2567 ที่ขยายตัว 5.4% โดยในช่วง 1H68 ยังมีแรงหนุนบางส่วนจากการเร่งนำเข้าสินค้า ก่อนสหรัฐปรับขึ้นภาษีนำเข้าและวัฏจักรขาขึ้นของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์

แนวโน้มตลาดวันนี้    

คาดดัชนีในวันนี ยังแกว่งตัวผันผวนระหว่างวัน โดยมีแรงขายในหุ้นกลุ่ม Big Cap. ของนักลงทุนต่างชาติ ขณะที่ยังมีแรงหนุนจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐได้เรียกร้องให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยมองกรอบดัชนี 1,340-1,350 จุด

กลยุทธ์การลงทุน   

• หุ้นที่ได้ประโยชน์โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” : KBANK SCB BBL TTB
• หุ้น ESG ดีเยี่ยม : ADVANC GULF BBL BEM RATCH CPN
• หุ้นได้ประโยชน์ Easy-E receipt : CRC COM7 ERW CENTEL MINT M AU TNP SIS SYNEX IP HL
• หุ้นเด่น IAA : AOT ADVANC BDMS CPALL
• Chat with Tony : VGI BTS BEM GULF INTUCH
• Sentiment เชิงบวกจาก บ้านเพื่อไทย : CK STECON CRD

 

 

หุ้นรายงานพิเศษ  

KLINIQ "ซื้อ" (ราคาเหมาะสม 39.60 บาท)
"งวด 4Q67 คาดกำไรราว 77 ลบ. -1%YoY, +4%QoQ"

•งวด 4Q67 คาดรายได้จากการขายและบริการจำนวน 800 ลบ. +7%QoQ, +24%YoY จากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม SSSG เติบโตราว 13% และสาขาใหม่ที่เปิดในช่วง 9M67 ในงวด 4Q67 มีการเปิดสาขาใหม่ 6 สาขาแบ่งเป็นแบรนด์ L.A.B.X จำนวน 3 สาขา แบรนด์ The KLINIQUE จำนวน 2 สาขา และแบรนด์ KLINIQ Wellness Spa 1 สาขา ทำให้ปี 67 มีสาขารวม 75 สาขา คาด อัตรากำไรขั้นต้น (%GPM) ที่ระดับ 51.0% ปรับตัวลดลง QoQ, YoY จาก 51.5% ในงวด 3Q67 เนื่องจากมีการเปิดสาขาใหม่ซึ่งจะมีต้นทุนเข้ามาในช่วงแรก และระดับ 53.0% ใน 4Q66 ลดลงเนื่องจากการเติบโตของรายได้ THE KLINIQUE SURGERY CENTER และ L.A.B.X ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งมี %GPM ต่ำกว่าแบรนด์ THE KLINIQUE  สำหรับรายได้ และ Utilization Rate ของศูนย์ศัลยกรรมยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้คาดว่ากำไรสุทธิงวด 4Q67 ราว 77 ลบ. +4%QoQ, -1%YoY

•คงคาดการณ์รายได้ปี 67 และปี 68 ที่ 2,939 ลบ. +29%YoY และ 3,439 ลบ. +17%YoY ตามลำดับ ปี 68 บริษัทตั้งเป้าเปิดสาขาใหม่ 10 แห่ง คงสมมติฐาน %GPM ปี 67-68 ที่ระดับ 50.9% และ 51.5% ตามลำดับ ปี 68 Margin ที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นเนื่องจากสาขา ที่เปิดไปในปี 67 สร้างรายได้เกินจุดคุ้มทุน ส่งผลให้เราคงคาดการณ์กำไรสุทธิปี 67-68 เท่ากับ 301 ลบ. +4%YoY และ 363 ลบ. +21%YoY ตามลำดับ โดยกำไรในช่วง 9M67 คิดเป็นสัดส่วน 73% ของประมาณการปี 67

•คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 39.60 บาท: เราประเมินราคาเหมาะสมด้วยวิธี Prospective PER ที่ 24x เทียบเท่ากับ PE Band ระดับ -1SD คาดการณ์กำไรต่อหุ้นปี 68 เท่ากับ 1.65 บาทต่อหุ้น ทำให้ได้ราคาเหมาะสมปี 68 เท่ากับ 39.60 บาท จากราคาหุ้น ที่ปรับตัวลง -18%YTD ทำให้ราคาเหมาะสมมี upside จากราคาปัจจุบันราว 49% ขณะที่คาดการณ์อัตราผลตอบแทนเงินปันผล (Dividend Yield) ในอนาคตราว 5.6% ต่อปี เราจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”

หุ้นมีข่าว

(+) INET (Bloomberg Consensus 5.74 บาท) ชี้ ปีนี้ตลาดงานไอทีขาขึ้น ขยายตัว 20% ทุกปี เล็งรายได้ปี 2568 แตะ 3 พันล้านบาท ตั้งเป้ายอดซอฟต์แวร์ให้บริการและลูกค้า 1.2 แสน VMI โตเท่าตัว จากสิ้นปี 2567 ขณะที่กระแสใช้ e-Tax Invoice และ e-Receipt พุ่งดันบริษัทลูกโตไวครองส่วนแบ่งตลาด 50% พร้อมมุ่งหน้าดิจิทัลทรานส์ฟอร์มนำเสนอบริการพรีเมียม ทุ่มงบ 4-5 พันล้านบาท รองรับลงทุนคลาวด์ และดาต้าเซ็นเตอร์ (ที่มา ทันหุ้น)

(+) SAV (Bloomberg Consensus 27.00 บาท) คึกคัก! รับไฮซีซันเวียดนาม หนุนโค้งแรกสวย ส่วนทั้งปี 2568 วางเป้ารายได้โต 15% จากปีก่อน อานิสงส์ยอดเที่ยวบินพุ่ง แถมสนามบินนานาชาติ "เตโช กัมพูชา" จ่อรับทรัพย์ช่วงกลางปีนี้ ชี้หากลุล่วงช่วยหนุนฐานธุรกิจระยะยาวแข็งแกร่ง (ที่มา ทันหุ้น)

(+) BLC (Bloomberg Consensus - บาท)คาดอุตสาหกรรมยาไทย ปี 2568-2570 โตเฉลี่ย 6-7% ต่อปี จากการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ป่วยจากโรคติดต่อ และโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) การเข้าสู่สังคมสูงวัย และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า ทำให้ประชาชนเข้าถึงยา ได้ง่ายขึ้น พร้อมปักธงวิจัย-สร้างนวัตกรรม รองรับความต้องการของตลาดสุขภาพขยายตัว ทั้งในประเทศ-ต่างประเทศ (ที่มา ทันหุ้น)

(+) AWC (Bloomberg Consensus 4.50 บาท) ทุ่ม 1.6 หมื่นล้านบาท ผุดโครงการมิกซ์ยูสในย่านไชน่าทาวน์พลิกโฉมไชน่าทาวน์ คาดทยอยเปิดเฟสแรก 2569 และเสร็จทั้งโครงการ 2572 เตรียมต่อยอดให้บริการรถไฟฟ้าเชื่อมต่อ 3 ทำเลทองของกลุ่ม AWC ทั้ง เดอะ ล้ง 1991 บริเวณ ทรงวาด และเยาวราช ย้ำชัดยังไม่มีแผนเข้าร่วมเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ (ที่มา ทันหุ้น)