วิเคราะห์หุ้น : บล.เคจีไอฯ Commerce Sector มาตรการกระตุ้นของรัฐบาลจะขับเคลื่อนการบริโภคในประเทศ

ภาวะการจับจ่ายใช้สอยมีสัญญาณดีขึ้น จากการที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขยับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 56.0 ในเดือนตุลาคม 2567 หลังจากที่ปรับลดลงติดต่อกันมาเจ็ดเดือน
(Figure 2) ซึ่งดัชนีที่เพิ่มขึ้นเป็นเพราะสามารถตั้งรัฐบาลชุดใหม่ได้ ซึ่งจะเปิดทางให้มีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาเป็นระลอก เราคาดว่ามาตรการกระตุ้นล่าสุดของรัฐบาล (แจกเงินเฟส 1: จ่าย 10,000 บาท/หัว ให้กลุ่มเป้าหมาย 14.5 ล้านคน มูลค่ารวมประมาณ 1.45 แสนล้านบาท) จะช่วยหนุนการใช้จ่ายในประเทศในเดือนกันยายน 2567และ 4Q67 โดยเม็ดเงินส่วนใหญ่จากโครงการนี้น่าจะไปลงที่ร้านค้าขนาดเล็กในชุมชนที่ขายสินค้าจำเป็น(โดยเฉพาะหมวดอาหาร และ เครื่องดื่ม) ซึ่งจากผลการสำรวจของภาครัฐ ประมาณ 95% ของผู้ตอบแบบสอบถามจะใช้เงิน 10,000 บาทที่ได้รับแจกเพื่อซื้ออาหาร และ เครื่องดื่มจากร้านค้าขนาดเล็กในชุมชน (Figure 9 และ Figure 10)
การบริโภคในประเทศยังเป็นบวก
เราคาดว่าอุปสงค์ในประเทศจะดีขึ้นต่อเนื่องจาก i) มาตรการแจกเงินเฟส 2 (คาดว่าจะมีมูลค่ารวม 4 หมื่นล้านบาท) ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนการบริโภคใน 1Q68 ii) มาตรการ Easy e-receipt (คาดว่าจะมีมูลค่ารวม1 แสนล้านบาท อิงจากสมมติฐานว่าผู้เสียภาษี 50% เข้าร่วมโครงการ) ซึ่งคาดว่าจะประกาศ และ มีผลใน 1Q68 iii) การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาล หลังจากที่อัตราการเบิกจ่ายชะลอลงในปีงบประมาณ 2567 และ มีการตั้งงบลงทุนเพิ่ม 34% YoY ในปีงบประมาณ 2568 (Figure 13 – 14) และ iv) จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติน่าจะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 35 ล้านคนในปี 2567 เป็น 38 ล้านคนในปี 2568 (เกือบจะกลับมาเท่าระดับก่อน COVID ระบาดแล้ว); Figure 12
โมเมนตัม same store sales growth ของบริษัทในกลุ่ม commerce ของไทยดีขึ้น
จากการตรวจสอบล่าสุดของเรา same-store-sales growth ของบริษัทส่วนใหญ่ในกลุ่ม commerce ที่เรา
ศึกษาอยู่ (C.P. All (CPALL.BK/CPALL TB)*, CP Axtra (CPAXT.BK/CPAXT PCL)), Central Retail
Corporation (CRC.BK/CRC TB)*, Dohome (DOHOME.BK/DOHOME TB)*, Siam Global House
(GLOBAL.BK/GLOBAL TB)* และ Home Product Center (HMPRO.BK/HMPRO TB)*) ดีขึ้นในเดือน
ตุลาคม-พฤศจิกายน 2567 (Figure 11) โดยเฉพาะร้านค้าในประเทศไทยซึ่งเป็นบวกในระดับเลขตัวเดียวต่ำ ๆ ยกเว้น GLOBAL (ซึ่งทรงตัว) และ HMPRO ในส่วนของห้าง Homepro (ซึ่งติดลบในระดับเลขตัวเดียวต่ำ ๆ) ทั้งนี้ จากมาตรการกระตุ้นที่ออกมาเป็นระลอก และ ช่วงเทศกาลใน 4Q67 เราจึงคาดว่าโมเมนตัม ของ same-store-sales น่าจะดีต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของไตรมาสนี้ และ ปี 2568F
กลุ่ม commerce จะได้ประโยชน์
บริษัทในกลุ่มที่เน้นจำหน่ายอาหาร และ เครื่องดื่ม (75% ของยอดขาย CPALL / 94% ของยอดขาย CPAXT (ค้าส่ง) / 83% ของยอดขาย CPAXT (ค้าปลีก); Figure 15 – 16) น่าจะได้อานิสงส์จากมาตรการแจกเงินของรัฐบาล ในขณะที่บริษัทในกลุ่มที่เน้นจำหน่ายสินค้าที่มีราคาสูง และ จับกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงสูงน่าจะได้อานิสงส์จากมาตรการ Easy E-receipt เราคิดว่าผลบวกจากฐานที่ต่ำ เพราะ COVID-19 น่าจะหมดไปแล้ว ดังนั้น เราจึงคาดว่ากำไรน่าจะกลับมาโตในระดับปกติจากปี 2568 เป็นต้นไป ดังนั้น นักลงทุนจึงควรติดตามประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และ กลยุทธ์ทางธุรกิจของบริษัทในกลุ่ม โดยเรามองว่าอาจจะมีการปรับ de-rate PER ในระยะต่อไปเพื่อสะท้อนถึงการเติบโของกาไรที่กลับมาอยู่ระดับปกติ
Valuation & action
เรายังคงให้น้ำหนักหุ้นกลุ่ม commerce ที่ “มากกว่าตลาด” เนื่องจากคาดว่ารัฐบาลจะออกมาตรการกระตุ้นมาเป็นระลอกใน 4Q67 และ 1Q68 ซึ่งจะช่วยหนุนการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค เราเลือก CPAXT (แนะนำ “ซื้อ” โดยประเมินราคาเป้าหมายสิ้นปี 2568 ที่ 39.0 บาท อิงจาก PER ที่ 33.0X) และ CRC (แนะนำ “ซื้อ” โดยประเมินราคาเป้าหมายสิ้นปี 2568 ที่ 36.0 บาท อิงจาก PER ที่ 24.0X) เราคาดว่า CPAXT จะได้อานิสงส์
จากมาตรการแจกเงินของรัฐบาลทั้งเฟส 1 และ 2 เพราะประเภทสินค้าที่จำหน่ายและ โครงสร้างลูกค้าในธุรกิจค้าส่ง ในขณะเดียวกัน เราคาดว่า CRC จะได้อานิสงส์จากมาตรการ easy Ereceipt ในฐานะที่เป็นผู้นำ ในกลุ่มธุรกิจห้างสรรพสินค้า และ จับกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงสูง
Risks
เศรษฐกิจชะลอตัวลง, disruption ที่เกิดจากเทคโนโลยีใหม่, ความเสี่ยงด้านกฎเกณฑ์ของทางการ,พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป, ขยายสาขาได้น้อยกว่าที่วางแผนไว้, การหาทำเลเพื่อตั้งสาขา