วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ SET ย่อตัว พักฐาน เรามองเป็นโอกาส

สัญญาณเงินเฟ้อฟื้นตัว เพิ่มโอกาสในการปรับลดดอกเบี้ยสหรัฐ ในเดือน ธ.ค. ติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Non-farm payroll) ในเดือน พ.ย. (6 ธ.ค.) ตลาดคาดอยู่ที่ 202 พันตำแหน่ง (12 พันตำแหน่ง ในเดือน ต.ค.)
อย่างไรก็ตามเราไม่ประหลาดใจหาก Non-farm payroll ออกมาตามคาด จากการฟื้นตัว mom ของ Low-base effect จากเดือน ต.ค. แต่หากปรับเพิ่มมากกว่าที่คาด จะเพิ่มน้ำหนักต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุม FOMC ในวันที่ 17-18 ธ.ค. และตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ (US CPI) 11 ธ.ค. ที่ หนึ่งใน Fed Governors ให้มุมมองว่าจะกลับมาฟื้นตัว ส่งผลให้ Fed watch tool ปรับเพิ่มโอกาสที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ย 25bps ในเดือน ธ.ค. จาก 50-55% เป็น 72%
มติประชุม OPEC เป็นบวกกับราคาน้ำมันดิบเล็กน้อย OPEC+ มีมติขยายเวลาการปรับลดกำลังผลิตโดยสมัครใจ โควต้า 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ออกไปอีก 3 เดือน (สิ้นสุด มี.ค. 2025) และจะเริ่มทยอยปรับเพิ่มกำลังผลิตเฉลี่ยเดือนละ 138 พันบาร์เรลต่อวัน (KBD) จนถึง ก.ย. 2026 ซึ่งรวมถึงมติของ OPEC ที่อนุญาติให้ UAE สามารถเพิ่มกำลังผลิตอีก 300KBD ตั้งแต่ เม.ย. 2025 (เดิมเริ่ม ม.ค. 2025) และไปสิ้นสุด ก.ย. 2026 มาตรการที่ประกาศออกมาดังกล่าวดีกว่าที่เราคาด และเป็นบวกกับราคาน้ำมันดิบในระยะสั้น โดยหุ้นที่จะได้ประโยชน์โดยตรงได้แก่ PTTEP แต่เรายังคงกังวลต่อราคาน้ำมันดิบในปี 2025
มารตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศหนุนการฟื้นตัวของ SET: ปัจจัยด้านเศรษฐกิจของไทยยังคงต้องติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็น Easy E-Receipt เพื่อนำมาใช้ลดหย่อนภาษีวันที่ 1 ม.ค.-มี.ค. 2026 มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองรอง และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่จะทยอยประกาศสัปดาห์หน้า
Earnings momentum play ใน 4Q24-1Q25 เราเห็นโอกาสการลงทุนในหลายอุตสาหกรรมที่มี Earnings momentum ที่แข็งแกร่ง และมีปัจจัยหนุนด้านฤดูกาล ได้แก่ 1) ท่องเที่ยว ปี 2025 มีแคมเปญ Amazing Thailand Grand Tourism & Sports Year 2025 เป้าหมายนักท่องเที่ยว 38-39 ล้านคน 2) ค้าปลีกแรงหนุน
จากมาตรการกระตุ้นการบริโภคและเพิ่มกำลังซื้อ 3) การเงินและธนาคาร ผลการตั้งสำรองหนักมาตลอดปี ทำให้มีโอกาสที่กำไรไตรมาสนี้จะดีกว่าตลาดคาดจากการตั้งสำรองที่ลดลง และ 4) กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการใช้จ่ายภาครัฐ โดยหุ้นที่เราชอบได้แก่ AOT, MINT, SHR, SPA, DUSIT, AU, GULF, OSP, AMATA, CPALL, CPAXT, TNP, MTC, TIDLOR, KBANK, SAMART, SAMTEL, SYNEX, SIS
ภาพรวมกลยุทธ์ “เราคาดว่า SET จะแกว่งตัวในกรอบ Sideway ถึง Sideway down ในกรอบ 1438-1458 จุด โดยเราประเมินว่า SET ที่ระดับ 1440 จุด เป็นจุดที่น่าสนใจสำหรับการเข้าทยอยซื้อ โดย Theme play หลักที่เราให้น้ำหนักอยู่ในกลุ่ม Earnings momentum play ใน 4Q24-1Q25 โดยเรายังคงชอบ หุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว, การแพทย์, ค้าปลีก โดยคาดธนาคาร และการเงิน จะเป็นกลุ่มช่วยประคองบรรยากาศรวม // หุ้นที่ได้แรงหนุนจากรายจ่ายภาครัฐ ได้แก่ SYNEX, SIS, SAMART, CSS, CK, STECON // ผู้ต้องการใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีควรทยอยซื้อ RMF, SSF, Thai ESG
แนวรับ: 1,444-1,438 แนวต้าน : 1,458-1,465 จุด
สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
หุ้นแนะนำ (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)
• BTS* (6.20): Unlocked value จากการคาดหมายว่าภาครัฐอาจจะนำสัมปทานกลับไปและให้กลุ่มรถไฟฟ้ารับจ้างบริหาร ตัดขาดทุน 5.5 บาท
• SHR* (2.60): Earnings มีโอกาสฟื้นตัวตามแนวโน้มของธุรกิจท่องเที่ยวและปัจจัยฤดูกาล ประกอบกับ SHR หลุดพ้นจาก Renovation Cycle และ CAPEX Cycle จึงเป็นตัวเลือกในการลงทุนที่เหมาะสมที่สุดเมื่อเทียบกับกลุ่มโรงแรม ราคาเหมาะสมเฉลี่ย IAA Consensus อยู่ที่ 3.1 บาท ตัดขาดทุน 2.26 บาท
• MINT* (30): ได้ประโยชน์จาก High season ของการท่องเที่ยว ตัดขาดทุน 26.5 บาท
• OKJ* (17): เก็งกำไรหุ้นยัง under owned ในช่วงแรกของการเข้า IPO และราคาหุ้นยืนเหนือแนวรับสำคัญ ตัดขาดทุน 15.20 บาท
ประเด็นที่น่าสนใจ
- บิตคอยน์พุ่งทะลุ $100,000 รับข่าว ทรัมป์ เลือก พอล แอตกินส์ นั่งประธานก.ล.ต.สหรัฐฯ
- พาวเวล ไม่ห่วงเฟดถูกครอบงำยุคทรัมป์ ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยค่อยเป็นค่อยไป
- GULF ได้ลงนามในสัญญาการให้บริการศูนย์ข้อมูล (Data Center) กับบริษัท Siam AI
- ERW แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 4.60 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
6 ธ.ค. – US Non Farm Payrolls (Nov)







