วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ การปรับลดลงในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้ เป็นโอกาสทยอยสะสม

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ การปรับลดลงในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้ เป็นโอกาสทยอยสะสม

บรรยากาศลงทุนโดยรวมตลาดยังคงจับตาการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้า และท่าทีสหรัฐฯ ต่อจีน ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดทำการเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า

ขณะที่หุ้นยุโรปฟื้นตัวขึ้นจากกลุ่มเทคโนโลยี จากความคาดหวังว่าข้อจำกัดของสหรัฐฯ ในการขายอุปกรณ์เซมิคอนดัคเตอร์และชิปหน่วยความจำ AI ให้จีน อาจไม่เข้มงวดเท่ากับที่เคยคาดไว้ หลังมีรายงานจาก Bloomberg ระบุว่าสหรัฐฯ กำลังพิจารณามาตรการจำกัดการขายอุปกรณ์เซมิคอนดัคเตอร์และชิปในระดับที่ไม่เข้มข้นเท่ากับที่เคยหารือ 

โอเปคอาจเลื่อนแผนปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเป็น ก.พ.68 มีโอกาสเป็นปัจจัยหนุน SET ฟื้นตัว: กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) และชาติพันธมิตร หรือโอเปคพลัส ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า โอเปคพลัสจะเลื่อนการประชุมระดับรัฐมนตรีเป็นวันที่ 5 ธ.ค. (จากเดิม 1 ธ.ค.) เนื่องจากหลายประเทศติดการประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศรอบอ่าวเปอร์เซีย โดยมีการคาดการณ์ว่าโอเปคพลัสจะมีมติเลื่อนแผนการปรับเพิ่มกำลังการผลิตไปเป็น ก.พ.68 หลัง 8 ชาติสมาชิกที่ปรับลดกำลังการผลิตโดยสมัครใจประกาศขยายเวลาลดกำลังการผลิตไปถึงสิ้นธ.ค.67 (จากเดิมสิ้น พ.ย.67) ทั้งนี้ปัจจุบันตัวเลขการลดกำลังการผลิตรวมอยู่ที่ 5.86 ล้านบาร์เรล/วัน (โอเปคพลัส 3.66 + 8 ชาติสมาชิก 2.2) // หากโอเปคพลัสตัดสินใจเลื่อนการเพิ่มกำลังการผลิต จะช่วยให้ราคาน้ำมันดิบทรงตัวและลดความเสี่ยงต่อการปรับลดประมาณการกำไรบจ.ไทย ซึ่งเรามองเป็นปัจจัยหนุน SET ฟื้นตัว 

การปรับลดลงช่วง 1-2 สัปดาห์นี้ เป็นโอกาสทยอยสะสมหุ้นที่โมเมนตัมผลประกอบการในช่วง 4Q67-1Q68 แข็งแกร่ง: การปรับลดลงของหุ้นไทยในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งมาจากผลประกอบการ 3Q67 ที่อ่อนแอ แต่หากมองข้ามไปอีก 2 ไตรมาส เรามองเห็นหลายอุตสาหกรรมที่มีโมเมนตัมกำไรแข็งแกร่ง และมีปัจจัยหนุนด้านฤดูกาล ได้แก่ 1) ท่องเที่ยว ปีหน้ามีแคมเปญ Amazing Thailand Grand Tourism & Sports Year 2025 เป้าหมายนักท่องเที่ยว 38-39 ล้านคน 2) ค้าปลีก แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นการบริโภค

และเพิ่มกำลังซื้อ 3) การเงินและธนาคาร ผลการตั้งสำรองหนักมาตลอดปี ทำให้มีโอกาสที่กำไรไตรมาสนี้จะดีกว่าตลาดคาดจากการตั้งสำรองที่ลดลง 4) กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการใช้จ่ายภาครัฐ โดยหุ้นที่เราชอบได้แก่ AOT, ERW, SPA, DUSIT, CPALL, TNP, MTC, TIDLOR, KBANK, SAMART, SAMTEL, SYNEX  

ภาพรวมกลยุทธ์ “แรงฉุดทางลงจะยังเป็นต่อ ให้น้ำหนักกับหุ้นที่โมเมนตัมผลประกอบการดีไปถึงไตรมาส 1/68 เราชอบกลุ่มท่องเที่ยว, การแพทย์, ค้าปลีก โดยคาดธนาคาร จะเป็นกลุ่มช่วยประคองบรรยากาศรวม // หุ้นที่ได้แรงหนุนจากรายจ่ายภาครัฐ ได้แก่ SYNEX, SIS, SAMART, CSS, CK, STECON / หุ้นได้ประโยชน์จากต้นทุนการเงินลดลง MTC, TIDLOR

แนวรับ: 1,405-1,423  แนวต้าน : 1,438 จุด 

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%

หุ้นแนะนำ  (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)

•    CPALL* (68) : ผลการดำเนินงานอยู่ในโมเมนตัมของการปรับประมาณการกำไรขึ้น ได้แรงหนุนทั้งปัจจัยฤดูกาลและมาตรการภาครัฐ ตัดขาดทุน 60 บาท  
•    STECON* (9) : งานในมือกว่า 1 แสนล้านบาท ได้ประโยชน์จากการใช้จ่ายภาครัฐ  และต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่ปรับลง  7.70 บาท 
•    TMAN* (18) : ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ราคาเหมาะสมเฉลี่ย IAA Consensus อยู่ที่ 25.13 บาท ตัดขาดทุน 16 บาท 
•    OKJ* (17) : เก็งกำไรหุ้นยัง underowned ในช่วงแรกของการเข้า IPO และราคาหุ้นยืนเหนือแนวรับสำคัญ ตัดขาดทุน 15.30 บาท

 

ประเด็นที่น่าสนใจ 

-    โอเปคพลัสออกแถลงการณ์ยืนยันเลื่อนการประชุมเป็นวันที่ 5 ธ.ค.
-    กกพ.หั่นค่าไฟ ม.ค.-เม.ย. 68 เหลือ 4.15 บาท/หน่วย หนุนช่วยประชาชน
-    โฆษกท่องเที่ยวฯ มั่นใจยอดนทท.ปี 68 ลุ้นแตะ 40 ล้านคน เตรียมความพร้อมดันไทยสู่ Tourism Hub
-    PTT – OR ชี้แจงแล้วข่าวลือไม่เป็นจริง หวังโจมตีผู้บริหาร ลุยดำเนินคดี

ปัจจัยที่ต้องติดตาม 

2 ธ.ค. – US ISM Manufacturing PMI (Nov)
 

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ การปรับลดลงในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้ เป็นโอกาสทยอยสะสม วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ การปรับลดลงในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้ เป็นโอกาสทยอยสะสม