กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ : บล.เคจีไอฯ ตลาดหุ้นมีมูลค่าน่าสนใจแล้ว แต่ยังขาดปัจจัยบวกในระยะสั้น

กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ : บล.เคจีไอฯ ตลาดหุ้นมีมูลค่าน่าสนใจแล้ว แต่ยังขาดปัจจัยบวกในระยะสั้น

ตลาดหุ้นไทยน่าจะทรงตัวในกรอบแคบๆ ก่อนผลการประชุมกนง. และ ธ.กลางสหรัฐฯ ในสัปดาห์ที่แล้ว (3-7 มิถุนายน) ตลาดหุ้นไทยขยับลงต่อ ซึ่งอ่อนแอกว่าที่เราคาดไว้ เนื่องจากเหตุผลดังต่อไปนี้

ข้อแรก คือ ยังคงมีแรงขายหุ้นกลุ่ม domestic และ ท่องเที่ยวออกมาอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการเมืองของไทยเกี่ยวกับคำตัดสินของศาลฯ เกี่ยวกับสถานะของนายกฯ เศรษฐา และคณะรัฐมนตรี

ข้อที่สอง คือ นักลงทุนยังสับสนเกี่ยวกับมาตรการ digital wallet เพราะสำนักงบประมาณเสนอแพ็คเกจที่มีขนาดเล็กลงเพื่อไม่ให้กระทบต่อข้อจำกัดด้านการคลัง แต่รัฐบาลยังคงยืนยันว่าจะพยายามอย่างดีที่สุดที่จะแจกเงินอิเล็กทรอนิกส์ให้กับประชาชน 50 ล้านคน

ข้อที่สาม คือ แม้ว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะลดลง และ เงินบาทจะแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย แต่กระแสเงินทุนต่างชาติยังคงไหลออกอย่างต่อเนื่อง

สำหรับในสัปดาห์นี้ (10-14 มิถุนายน) เรายังคงมีมุมมองที่เป็นกลางกับดัชนี SET และ คาดว่าตลาดจะพักฐานท่ามกลางปัจจัยดังต่อไปนี้

ปัจจัยแรก ตลาดหุ้นไทยยังคงขาดปัจจัยกระตุ้นด้านบวก ในขณะที่สถานการณ์ทางการเมืองยังคงไม่มีความชัดเจน และประเด็นการกลับมาออกกองทุน LTF นั้นก็ยังไม่มีความชัดเจน และกระแสข่าวเงียบๆไปในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

ปัจจัยที่สอง นักลงทุนต่างรอติดตามผลการประชุม กนง. ของไทย และ FOMC ของสหรัฐ ทั้งนี้ เนื่องจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร และ อัตราการเติบโตของค่าจ้างสหรัฐในเดือนพฤษภาคมออกมาสูงเกินคาด ดังนั้น Fed จึงน่าจะยังแถลงลดความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ยสหรัฐฯ ในช่วงสั้น

ปัจจัยที่สาม อยู่ในด้านบวก โดยหากอิงการวิเคราะห์ earnings yield gap ชี้ว่าดัชนี SET ได้เข้าสู่เขต value zone แล้ว ดังนั้น ราคาหุ้นจึงน่าจะมี downside จำกัด

 

 

 

ติดตามผลการประชุม กนง., ตัวเลข CPI สหรัฐเดือนพฤษภาคม และ ผลการประชุม FOMC ซึ่งทั้งหมดนี้จะทราบในวันพุธ

12 มิถุนายน: วันพุธนี้จะเป็นวันที่สำคัญที่สุดในรอบสัปดาห์ในแง่ของปัจจัยเศรษฐกิจมหภาค โดย กนง.ของไทยมีกำหนดประชุมในวันนั้น ซึ่งเรายังคงคาดว่า กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายเอาไว้ที่ 2.50% ด้วยเหตุว่าเศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ส่วนทางด้านสหรัฐ จะมีการประกาศตัวเลข CPI เดือนพฤษภาคม และ ผลการประชุม FOMC ในคืนวันพุธตามเวลาท้องถิ่น

หลังการประกาศผลประชุม FOMC ก็จะหลุดจากช่วง blackout ของ Fed ดังนั้น นักลงทุนจึงควรติดตามปาฐกถาจากผู้บริหาร Fed เพื่อประเมินแนวโน้มนโยบายในระยะต่อไป

ยังคงเน้นคัดหุ้นแบบ bottom-up อย่างที่เราเน้นในบทวิเคราะห์กลยุทธ์เดือนมิถุนายน

เนื่องจากเรามองว่าตลาดยังขาดปัจจัยกระตุ้นใหม่ ๆ ทางด้านมหภาค เราจึงแนะนำให้นักลงทุนเกาะอยู่กับธีมการคัดหุ้นแบบ bottom-up อย่างที่เราได้กล่าวถึงไปในบทวิเคราะห์กลยุทธ์เดือนมิถุนายนของ KGI รวมถึงหุ้นกลุ่มที่อ่อนไหวกับภาวะเศรษฐกิจโลกอีกสองสามกลุ่มดังต่อไปนี้

กลุ่มแรกคือ กลุ่มที่จะได้อานิสงส์จากธีมการฟื้นตัวของยุโรป และ จีน อย่างเช่น MINT*, CPF* และ SCGP*.

กลุ่มที่สองคือ กลุ่มที่จะได้อานิสงส์จากธีมวัฎจักรเทคโนโลยีที่ยาวขึ้น, การเติบโตอย่างแข็งแกร่งของ AIs ทั่วโลก และ แนวโน้มผลประกอบการดีขึ้นใน 2H67 ซึ่งในในกลุ่มนี้เราชอบ DELTA*

ส่วนกลุ่มที่สามคือ หุ้นกลุ่มที่ผลประกอบการ 2Q67 มีแนวโน้มแข็งแกร่ง อย่างเช่น OSP*, CBG* และPTG