วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง Weekly Strategy

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง Weekly Strategy

ทางเทคนิค คาด SET Index เคลื่อนไหว Sideways Down แนวรับ 1,360/1,350 จุด (แนวรับ ½ และ 2/3 ของกรอบ Fibobnanci 1,320-1,404 จุด) แนวต้าน 1,371/1,375 จุด (EMA 25/50 วัน) ภาพใหญ่ดัชนีฯ ยังคงอยู่ในทิศทางขาขึ้น ไปทดสอบแนวต้านของกรอบ Down Channel ที่ 1,404 จุด

ส่วนภาพระยะสั้น ยังคงอยู่ในแนวโน้มขาลงไปทดสอบแนวรับสำคัญ อิงการเกิด Lower High และ Lower Low ต่อเนื่องเป็นวันที่สาม สะท้อนดัชนีฯ มีโอกาสปรับลดลงต่อเนื่อง โดยสัญญาณพิจารณาแรงขายรอบใหม่ จะเกิดขึ้นหากต่ำกว่า 1,350 จุด

ประเด็น Event สำคัญ วันนี้

TH Opp. Day: PF SCAP IP PTT SAWAD MFEC TGE SOLAR TQR GUNKUL PTTGE PTG HANA SMD STP CAZ ILM PLUS GVREIT BTG SHR

TH: นายกฯ นัดประชุมทีมเศรษฐกิจ เวลา 16.00 น. เพื่อหามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจาก 1Q24 GDP เติบโตต่ำเพียง +1.5% YoY

Holidays: US Markets: ปิดทำการเนื่องในวัน Memorial Day และ UK ตลาดหุ้นปิดทำการ เนื่องในวัน Spring Bank Holiday

Japan: การเจรจา 3 ฝ่ายครั้งแรกรอบ 5 ปี ระหว่าง Japan (นายกฯ Kishida) China (Premier Li Qiang) และ South Korea (ประธานาธิบดี Yoon Suk Yeol) กำหนดการสองวัน สิ้นสุดวันนี้

ECB: จับตาสัญญาณดอกเบี้ยอีซีบีจาก ECB Chief Economist Philip Lane พูดที่เมือง Dublin

 

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง Weekly Strategy

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง Weekly Strategy

Weekly Strategy: มุมมองต่อ SET Index

สัปดาห์นี้ สถานการณ์ทางการเมืองและการเร่งตัวขึ้นของ TH 10Y Bond Yield จากความกังวลการขยายหนี้สาธารณะที่สูงขึ้นของรัฐบาล กดดันให้ตลาดหุ้นไทยต้องเผชิญความเสี่ยงระยะสั้นเพิ่มขึ้น ทั้งจากการไหลออกของกระแสเงินทุนต่างชาติ และการ De-rate Valuation อย่างไรก็ตาม ด้วยประมาณการ EPS ที่มีสัญญาณการกลับมาปรับสูงขึ้น (SET EPS ปรับตัวสูงขึ้น +0.3% WoW มาอยู่ที่ 96.3 บาท/หุ้น) ทำให้เราประเมินขาลงของดัชนีตลาดหุ้นไทยยังมีอยู่อย่างจำกัด

 

 

 

กลยุทธ์การลงทุนสัปดาห์นี้: เรายังคงคำแนะนำ ให้เรียกรับส่วนชดเชยความเสี่ยง (Market risk premium) ในระดับปกติ หลังประเมินดัชนี SET มีสัญญาณผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว โดยแนะนำ “ซื้อ” เมื่อดัชนีต่ำกว่า 1,344 จุด (อิง MRP 4.35% ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 90 วัน) (Figure 2) โดยแนะนำหุ้นในธีม Bottom-out (ราคาหุ้นช่วง 2023-ปัจจุบัน ปรับตัวลงมากกว่าดัชนี SET, ราคาหุ้นมีส่วนต่างจากมูลค่าเหมาะสมสูงกว่า 20% และมี Attractive Story)

ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ:

Germany: รายงานดัชนีวัดความเชื่อมั่น Ifo Business Climate เดือน พ.ค. คาดดีขึ้นเป็น 91.5 (Vs จาก 89.4 ในเดือน เม.ย.) Ifo Expectations เดือน พ.ค. ดีขึ้นเป็น 91.7 (Vs เดือน เม.ย. 89.9)

CH รายงาน Industrial Profits เดือน เม.ย. (YTD): Consensus คาด +3.5%YoY (Vs เดือน มี.ค. +4.3% YoY) เพิ่มโอกาสให้ทางการออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

JP รายงานดัชนี Leading Economic Index เดือน มี.ค. ครั้งสุดท้าย: Consensus คาดลดลงเป็น 111.4 (Vs เดือน ก.พ. 112.1) และดัชนี Coincident Index เดือน มี.ค. ครั้งสุดท้าย Consensus คาดดีขึ้นเป็น 113.9 (Vs เดือน ก.พ. 111.6) สะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงไม่ฟื้นตัวดี ทำให้ BOJ จำเป็นที่จะต้องคงดอกเบี้ยนโยบายต่อไป แม้จะมีแรงกดดันจากการอ่อนค่าของเงินเยนเทียบ USD สูงขึ้นก็ตาม

กลยุทธ์ลงทุน แนะนำ หุ้นที่มีประเด็นข่าวเชิงบวก ได้แก่ TIDLOR CK CPALL

 

 

 

 

Strategic daily picks

TIDLOR    ปิด 20.20 บาท/แนวรับ 19.50 บาท แนวต้าน 20.70 บาท

รายงานกำไรสุทธิ 1Q24 ดีกว่าคาด 9% อยู่ที่ 1,104 ล้านบาท เติบโต 15.6% YoY และ 22.5% QoQ จาก cost to income และสำรองที่น้อยกว่าคาด ซึ่งใน 1Q24 เห็นสัญญาณที่ลดลงของ NPLs formation และ Loss on sale ขณะที่ Asset quality จำนำทะเบียน จักรยานยนต์ ปรับตัวดีขึ้น ส่วน 4 ล้อ และรถบรรทุก ยังเห็นสัญญาณเพิ่มขึ้นของหนี้เสีย ทั้งนี้ TIDLOR ยังคง Coverage ratio ในระดับสูง เพื่อรองรับสถานการณ์ความไม่แน่นอน KTX คงคำแนะนำ “Outperform” มูลค่าเหมาะสม 12M FWD ที่ 24.11 บาท อิงวิธี Earnings Yield บนอัตราผลตอบแทนที่คาดหวังที่ 6.8%

CK    ปิด 23.00 บาท/แนวรับ 22.60 บาท แนวต้าน 23.80 บาท

รายงานกำไรสุทธิ 1Q24 ที่ 121 ล้านบาท (-44% YoY, -23% QoQ) เป็นผลจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและรายได้อื่นลดลง อย่างไรก็ตาม กลุ่มบริษัทมีความพร้อมที่จะเข้าร่วมงานประมูลของภาครัฐ ที่คาดว่าภาครัฐจะทยอยเปิดประมูลโครงการเมกะโปรเจ็กต์ที่ได้รับการอนุมัติแล้ว หลังจากที่งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2024 มีผลบังคับใช้แล้ว ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทมีปริมาณงานในมือราว 1.3 แสนล้านบาท Bloomberg Consensus ประมาณการกำไรสุทธิปี 2024 ที่ 1.85 พันล้านบาท (+23.12% YoY) และมูลค่าเหมาะสมที่ 26.83 บาท

CPALL   ปิด 58.50 บาท/แนวรับ 56.75 บาท แนวต้าน 61.00 บาท

ยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ของร้าน 7-11 ในช่วง 2Q24 ยังคงมีทิศทางเติบโตดีต่อเนื่องจาก 1Q24 อยู่ราว 5% ส่วนอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) จะมีทิศทางที่ดีต่อเนื่องในทุกไตรมาสตลอดทั้งปี 2024 รวมทั้งมีการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ปี 2024 บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ที่ 1.2-1.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งสัดส่วน 50% ลงทุนเปิดสาขา 7-11 ใหม่ และ 50% ลงทุนศูนย์กระจายสินค้า บริษัทย่อย โครงการใหม่ และระบบสารสนเทศ Bloomberg Consensus ประมาณการกำไรสุทธิปี 2024 ที่ 2.23 หมื่นล้านบาท (+20.77% YoY) และมูลค่าเหมาะสมที่ 75.90 บาท

 

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง Weekly Strategy