วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ เงินเฟ้อต่ำคาด หนุนโอกาสเฟดลดดอกเบี้ย

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ เงินเฟ้อต่ำคาด หนุนโอกาสเฟดลดดอกเบี้ย

เงินเฟ้อสหรัฐฯที่ต่ำคาด เพิ่มความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ย และหนุนบรรยากาศลงทุน สหรัฐฯ รายงานเงินเฟ้อ เม.ย. +0.3% MoM, +3.4% YoY (คาดการณ์ +0.4 MoM, +3.4% YoY) ซึ่งเงินเฟ้อที่เริ่มมีสัญญาณชะลอลง

ส่งผลบวกต่อคาดการณ์ลดดอกเบี้ยของเฟดในช่วงการประชุม ก.ย.เพิ่มขึ้นเป็น 97.57% (จากวันก่อนหน้าที่ 83.96%) ซึ่งโอกาสปรับลดดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ส่งผลบวกต่อการปรับลดลงของผลตอบแทนพันธบัตร และการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และบวกต่อการฟื้นตัวของสินทรัพย์เสี่ยงและหุ้นตลาดเกิดใหม่

สหรัฐฯ เตรียมปรับขึ้นภาษีสินค้าบางประเภทจากจีนครั้งใหม่ บวกต่อหุ้นถุงมือยาง อิเล็กทรอนิกส์ และผู้ผลิตโวลาร์โมดูล ประธานาธิปดีไบเดนประกาศแผนการที่จะเพิ่มระดับการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน ซึ่งจะมีผลในช่วง 2567-69 โดยสินค้าสำคัญได้แก่ รถยนต์ไฟฟ้า (ภาษีใหม่ 100% จากเดิม 25%), ถุงมือยางการแพทย์ (ภาษีใหม่ 25% จากเดิม 7.5%), อุปกรณ์ทางการแพทย์พวกเข็มฉีดยา (ภาษีใหม่ 50% จากเดิม 0%), เซมิคอนดัคเตอร์ (ภาษีใหม่ 50% จากเดิม 25%), โซลาร์เซล (ภาษีใหม่ 50% จากเดิม 25%) การดำเนินการกังกล่าวคาดส่งผลดังนี้ 1) เป็นปัจจัยบวกต่อผู้ผลิตถุงมือยางจากไทย STGT, STA 2) คาดหนุนการย้ายฐานการผลิตหรือคำสั่งซื้อสินค้าอิเล็คทรอนิกส์มายังไทย บวกต่อ CCET, HANA, SVI, KCE 3) บวกต่อผู้ผลิตโซลาร์เซลและโซลาร์โมดูล อาทิ GUNKUL, SMT
 

ภาพรวมงบไตรมาส 1/67 กลับมาบวก +2.6% เป็นปัจจัยบวกต่อการปรับขึ้นของประมาณการกำไรของตลาด บริษัทจดทะเบียนรายงานกำไรไตรมาส 1/67 ถึงสิ้นวัน 15 พ.ค.67 จำนวน 797 บริษัท คิดเป็น 95.4% มีกำไรสุทธิรวม 270,632 ล้านบาท +2.6% YoY ผลประกอบการที่พลิกลับมาเป็นบวกในช่วงท้ายการประกาศงบ เทียบกับที่ติดลบในช่วงก่อนหน้า คาดเป็นปัจจัยบวกต่อการปรับเพิ่มประมาณการกำไรของ SET Index ซึ่งจะหนุนการฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทยในระยะถัดไป

 

 

ภาพรวมกลยุทธ์ บรรยากาศเก็งกำไรรายตัวยังเป็นบวก ขณะ SET ยังเคลื่อนไหวกรอบแคบ 1,365-1,380 จุด การเก็งกำไรเน้นหุ้นที่ยังขึ้นน้อยกว่าตลาด (laggards) และควรกำหนดจุดตัดขาดทุนรวมถึงเป้าขายทำกำไร แม้ยังชอบกลุ่มอาหาร/เนื้อสัตว์/อาหารสัตว์เลี้ยง แต่อาจระวังแรงทำกำไรระยะสั้นหลังงบออกมาดีตามคาด และจากเงินบาทที่เริ่มกลับมาแข็งค่าระยะสั้น

หุ้นแนะนำ: CPALL*, KCE*, GUNKUL*, SAMART*

แนวรับ: 1,349-1,359 / แนวต้าน : 1,380-1,390 จุด 

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%

 

ประเด็นการลงทุนที่น่าสนใจ    

สหรัฐเผยดัชนี CPI +0.3% เดือนเม.ย. ต่ำกว่าคาดการณ์ ดัชนี CPI ทั่วไป (Headline CPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 3.4% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ จากระดับ 3.5% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี CPI ทั่วไป ปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนเม.ย. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.4% จากระดับ 0.4% ในเดือนมี.ค. (อินโฟเควสท์)

สหรัฐเผยยอดค้าปลีกต่ำกว่าคาดในเดือนเม.ย. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกทรงตัว หรือเพิ่มขึ้น 0.0% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 0.4% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนมี.ค. (อินโฟเควสท์)

IEA มองแนวโน้มดีมานด์ น้ำมัน ทั่วโลกปี 67 โตชะลอตัว สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ระบุว่า แนวโน้มการเติบโตของความต้องการน้ำมันทั่วโลกในปี 2567 ยังคงชะลอตัวลง ท่ามกลางการชะลอตัวของเศรษฐกิจและสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยในยุโรป (การเงินธนาคาร)

ทองแดงปิดพุ่ง 2.71% ดอลล์อ่อนหนุนแรงซื้อ สัญญาทองแดงตลาดนิวยอร์กปิดบวก (14 พ.ค.) เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ทำให้สัญญาทองแดงซึ่งกำหนดราคาเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐมีราคาถูกลงและมีความน่าดึงดูดมากขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่น (อินโฟเควสท์)

 

ตลท.เตือนผู้ลงทุนพิจารณารอบคอบก่อนเทรดหุ้น NEX หลังราคาดิ่ง 53% ใน 3 วัน  

CK และบ.ย่อย ไตรมาส 1/67กำไรสุทธิลดลงเหลือ 121 ลบ.  (อินโฟเควสท์)

OSP และบ.ย่อย ไตรมาส 1/67กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 828.5 ลบ. (อินโฟเควสท์)

STEC และบ.ย่อย ไตรมาส 1/67กำไรสุทธิลดลงเหลือ 11.85 ลบ. (อินโฟเควสท์)

TTA เผยกำไรไตรมาส 1/67 มีรายได้ 6,523.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37% yoy ส่วนใหญ่มาจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง และกลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อ (การเงินธนาคาร)

KCE คาดจะเห็นรายได้เพิ่มขึ้น และอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น แต่ยังคงระมัดระวังอัตรากำไรขั้นต้นจากความผันผวนของราคาทองแดง ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 49.00 บาท 

ประเด็นติดตาม:   16 พ.ค. US Industrial Production (Apr), CN Retail Sales (Apr)/ 17 พ.ค. EU Inflation Rate (Apr)
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)