วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก ออกข้าง

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก ออกข้าง

วันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหว Sideway ในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากนักลงทุนติดตามการรายงาน PCE ของสหรัฐ ในวันศุกร์นี้ เพื่อประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยมีแรงขายมากในหุ้นกลุ่มพลังงาน และค้าปลีก

ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,359.94 จุด -4.33 จุด -0.32% มูลค่าการซื้อขาย 40,150 ลบ. Program Trading -449.80 ลบ. ต่างชาติ -822.78 ลบ. TFEX -8,976 สัญญา ตราสารหนี้ -2,038.01 ลบ.

ปัจจัยบวก  

+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 153.86 จุด โดยได้แรงหนุนจากการทะยานขึ้นของหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ หลังบริษัทอัลฟาเบท และบริษัทไมโครซอฟท์เปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสที่แข็งแกร่ง ข้อมูลจาก FactSet ระบุว่าบริษัทในดัชนี S&P500 รายงานผลประกอบการไปแล้วกว่า 45% ส่วนใหญ่มีผลประกอบการดีเกินคาด
+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 28 เซนต์ หรือ +0.34% ปิดที่ 83.85 ดอลลาร์/บาร์เรล ได้แรงหนุนจากความตึงเครียดในตะวันออกกลาง แต่ดอลลาร์ที่แข็งค่าและข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐลดความหวังว่า FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้ได้สกัดกั้นการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมัน
+ กำไรของบริษัทอุตสาหกรรมรายใหญ่ของจีน เพิ่มขึ้น 4.3%YoY ใน 1Q67 เป็นการพลิกฟื้นหลังจากลดลง 2.3%YoY ในปี 2566
+ ดัชนีราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนาในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล 1Q67 +5.7%YoY + 3.5% QoQ โดยปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
+ สมาคมผู้ส่งออกข้าวเตรียมประกาศปรับเพิ่มเป้าหมายส่งออกทั้งปีเป็น 8 ล้านตัน อานิสงส์เงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่อง คาดทั้งปีสร้างรายได้เข้าประเทศเกือบ 2 แสนล้านบาท
+ ราชกิจจานุเบกษาประกาศให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรี และแต่งตั้งรัฐมนตรีใหม่ รัฐบาล "เศรษฐา 2" เพื่อขับเคลื่อนประเทศและเป็นความหวังว่ารมว.คลังคนใหม่จะมาดูแลโครงการ Digital Wallet และปรับโครงสร้างภาษี

ปัจจัยลบ

+/- FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 99.7% ที่ FED จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมครั้งนี้
 

 

+/- FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 99.7% ที่ FED จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมครั้งนี้
- สหรัฐเปิดเผยว่า Headline PCE ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.7%YoY ในเดือนมี.ค. หลังจากปรับตัวขึ้น 2.5%YoY ในเดือนก.พ.และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.6%YoY
- อิสราเอลยกระดับการโจมตีทางอากาศในเมืองราฟาห์ หลังประกาศอพยพพลเรือนออกจากเมืองดังกล่าวและจะเปิดฉากโจมตีอย่างเต็มรูปแบบ แม้ชาติพันธมิตรเตือนว่าอาจส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากก็ตาม
- จีนอนุมัติกฎหมายภาษีศุลกากร (Tariff Law) เพื่อส่งสัญญาณชัดเจนไปยังคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดว่าจีนพร้อมตอบโต้ หากบรรดาคู่ค้ากำหนดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจีน ขณะที่สหรัฐและสหภาพยุโรป (EU) กำลังวิพากษ์วิจารณ์จีนเกี่ยวกับกำลังการผลิตด้านอุตสาหกรรมที่มากเกินไป
- ภายในเดือน พ.ค.นี้ กระทรวงการคลังจะเริ่มจัดเก็บภาษีมูลค่า (VAT) 7% สำหรับสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศที่มีมูลค่าต่ำกว่า 1,500 บาท
- ตลท. สรุปมูลค่าซื้อขายหลักทรัพย์สะสมตามกลุ่มนักลงทุนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-26 เมษายน 2567 พบว่าสถาบันในประเทศขายสุทธิ 6,477.76 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ 5,135.81 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 66,944.81 ล้านบาท นักลงทุนในประเทศ ซื้อสุทธิ 78,558.38 ล้านบาท

แนวโน้มตลาดวันนี้    

คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสแกว่งตัว Sideway ออกข้าง โดยมีแรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพัธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่อ่อนตัวลง หนุนการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ขณะที่ปัจจัยในประเทศนักลงทุนติดตามการประกาศลผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,355-1,365 จุด

 

 

 

 

กลยุทธ์การลงทุน  

• ฟรีวีซ่าไทย-จีน : AOT AAV MINT CENTEL ERW SPA SKY
• หุ้นได้ประโยชน์จากอากาศร้อนจัด : TACC SAPPE ICHI PLUS COCOCO MALEE TIPCO
• หุ้นเด่น IAA : AOT CK CPALL MINT
• มาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ : SIRI SC ORI LH QH AP SPALI
• Digital Wallet : CPALL BJC CRC DOHOME GLOBAL HMPRO

 

หุ้นรายงานพิเศษ  

TACC "ซื้อ" ราคาเหมาะสม 7.60 บาท Upside 52%
คาดแนวโน้มกำไร 1Q67 เติบโต YoY QOQ แม้ผ่านพ้นช่วง High Season

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก ออกข้าง

•(+) เราคาดแนวโน้มกำไร 1Q67 จะโตทั้ง YoY QoQ แม้ผ่านพ้นช่วง High Season จาก 4 ปัจจัยดังนี้ 1) กำลังซื้อผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศฟื้นโตดี 2) การขยายสาขา 7-Eleven เป้า 700 สาขาต่อปี (เฉลี่ยไตรมาสละ 175 สาขา) 3) ผู้บริโภคเร่งซื้อ เนื่องจากเป็นช่วงใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษี Easy e-receipt และ 4) การเข้าสู่ช่วงฤดูร้อนที่เร็วกว่าปกติ ซึ่งคาดจะได้ผลดีต่อเนื่องไปยังช่วง 2Q67

•(+) ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อผลประกอบการปี 67 จาก Core Business เป็นหลัก ทั้งกลุ่ม 7-Eleven (ทั้งในประเทศและต่างประเทศ) จากการขยายสาขาและ SSSG ที่เติบโต และ Non 7-Eleven ( Character Business, Bon Cafe, กาแฟพันธุ์ไทย, HIP และ TRIVA เป็นต้น) โดยเฉพาะกาแฟพันธุ์ไทยที่มีแผนขยายสาขาเชิงรุก อย่างไรก็ตาม แม้ต้นทุนวัตถุดิบยังทรงตัวสูง อาทิ น้ำตาล กาแฟ เป็นต้น แต่คาด %GPM จะอยู่ที่ราว 32-33% (ปี 66 อยู่ที่ 32.7%) เนื่องจากมีการล็อคราคาวัตถุดิบไว้แล้วราว 6 เดือน ส่วนการขายเงินลงทุน TCI (ผู้ประกอบธุรกิจกัญชง-กัญชา ต้นน้ำ-กลางน้ำ) คาดแล้วเสร็จในช่วง 2Q67 และจะไม่มีการรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนอีกต่อไป (ปีละราว 10 ลบ.) เนื่องจากตั้งด้อยค่าไปแล้วใน 4Q66 โดยเรายังคาดการณ์รายได้และกำไรปี 67 ราว 1,847 ลบ. +8%YoY และ 242 ลบ. +17%YoY ตามลำดับ และราคาเหมาะสม 7.60 บาท Upside 52% และจ่ายปันผลในอัตราราว 7% ต่อปี แนะนำ "ซื้อ"

หุ้นมีข่าว

(+) NRF (Bloomberg consensus - บาท) รับประโยชน์ค่าเงินบาทอ่อนค่า เดินหน้าลงทุนร้านค้าปลีก สิ้นปีมีร้านค้าปลีกกว่า 11-14 แห่ง เร่งปิดดีลเร็วๆ นี้ 1 แห่ง ด้านกลุ่มสินค้าโปรตีนจากพืชเติบโตได้ดี ร่วมมือกับ PTT ช่วยกันหาลูกค้า อนาคตเติบโตสูง ส่วนธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงเป็นดาวเด่นปีนี้โตแรงกว่า 80% แย้มผลงานไตรมาส 1/2567 สดใส มั่นใจทั้งปีรายได้โตตามเป้า 30% (ที่มา ทันหุ้น)

(+) TTCL (Bloomberg consensus - บาท) เผยไตรมาส 2/2567 ลุ้นคว้างานใหม่ 2 โครงการ เติมแบ็กล็อกประมาณ 8 พันล้านบาท ขณะที่ครึ่งปีหลังเตรียมยื่นประมูลประมาณ 2 หมื่นล้านบาท คาดหวังจะได้ราว 1 ใน 3 ของมูลค่างานที่ยื่น ขณะที่สถานการณ์ความไม่สงบในเมียนมาไม่ส่งผลกระทบต่อโรงไฟฟ้าที่ดำเนินการอยู่ (ที่มา ทันหุ้น)

(+) HL (Bloomberg consensus 12.00 บาท) ส่งสัญญาณแนวโน้มไตรมาส 2/2567 สดใส เตรียมรับทรัพย์สาขาใหม่ บอสใหญ่ "ธัชพล ชลวัฒนสกุล" สั่งลุยเปิดสาขาสิ้นปีนี้ครบ 70 แห่ง จากปัจจุบันที่ 52 แห่ง แย้มความต้องการยาสูง เล็งคลอดโปรดักต์สุขภาพเจาะวัยท้างาน ตั้งเป้ายอดขายโต 2 เท่า (ที่มา ทันหุ้น)

(+) QH (Bloomberg consensus 2.39 บาท) ปีนี้อสังหาริมทรัพย์มีทิศทางที่ดีขึ้น สอดคล้องกับจีดีพี ลุยเปิดโครงการใหม่ช่วงปลายปี 5-6 โครงการ มูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท มองรัฐมีมาตรการช่วยกระตุ้นตลาด โอกาสเห็นดอกเบี้ยขาลง พร้อมธุรกิจโรงแรมเติบโตแข็งแกร่ง ลงทุน HMPRO ต่อยอด (ที่มา ทันหุ้น)