วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก รอ CPI สหรัฐพรุ่งนี้

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก รอ CPI สหรัฐพรุ่งนี้

วันจันทร์ที่ผ่านมา ดัชนีพักตัว เคลื่อนไหว sideway ในแดนลบ ราว -5 จุด หลังจากที่ดัชนีปรับตัวขึ้นมาในช่วงวันทำการก่อนหน้า โดยแรงขายกดดันมาจาก หุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ค้าปลีก พลังงาน เป็นต้น โดยนักลงทุนติดตามตัวเลขเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐ เพื่อดูทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด

ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,380.23 จุด -6.19 จุด -0.45% มูลค่าการซื้อขาย 33,444 ลบ. Program Trading -718.59 ลบ. ต่างชาติ -2,342.48 ลบ. TFEX -3,887 สัญญา ตราสารหนี้ +109.06 ลบ.

ปัจจัยบวก    

+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 46.97 จุด หรือ +0.12% ส่วนดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดลดลง นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐในสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนว่า FED จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้หรือไม่
+ แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 2.5% ใน 1Q67 ต่ากว่า GDP ใน 4Q66 ที่ขยายตัว 3.3% สนับสนุน FED ลดอัตราดอกเบี้ย

ปัจจัยลบ

- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 8 เซนต์ หรือ -0.1% ปิดที่ 77.93 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความกังวลเกี่ยวกับภาวะชะลอตัวของอุปสงค์น้ำมันในประเทศจีนที่มีรายงานบ่งชี้ถึงแนวโน้มการซื้อน้ำมันที่ลดลงของจีนซึ่งเป็นประเทศที่นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก
- ประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐเสนองบประมาณด้านกลาโหมสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 8.952 แสนล้านดอลลาร์สำหรับปีงบประมาณ 2568 เพิ่มขึ้น 1% จากที่เสนอเมื่อปีที่แล้ว โดยระบุว่าจาเป็นต่อการใช้ป้องปรามจีนและใช้ในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก รวมทั้งสำคัญต่อการทำให้กองทัพสหรัฐสามารถรับมือกับรัสเซีย และจัดการกับภัยคุกคามอื่น ๆ ที่เกิดจากเกาหลีเหนือและอิหร่าน
- ผลการสำรวจของ FED สาขานิวยอร์กคาดการณ์เงินเฟ้อของผู้บริโภคในระยะเวลา 1 ปีข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 3.0% ไม่เปลี่ยนแปลงจากคาดการณ์ก่อนหน้านี้ยังสูงกว่าระดับเป้าหมายที่ 2%
 

- โฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในช่วง 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 67 (ต.ค.66-ม.ค.67) จัดเก็บรายได้สุทธิ 824,115 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 1.1% โดยสาเหตุหลักมาจากกรมสรรพสามิตจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าประมาณการ เนื่องจากมีการปรับลดอัตราภาษีน้ำมันดีเซลและน้ำมันเบนซิน

แนวโน้มตลาดวันนี้  

คาดดัชนีในวันนี้พักฐานต่อเนื่องจาก Fund Flow ที่ไหลออกกดดันการรปรับตัวขึ้น อีกทั้งนักลงทุนรอติดตามอัตราเงินเฟ้อเดือน ก.พ. ของสหรัฐที่จะประกาศพรุ่งนี้โดยคาดว่าจะทรงตัวที่ 3.1% ใกล้เคียงกับเดือน ม.ค. นอกจากนี้ GDP Now คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัว 2.5% ซึ่งลดลงจากประมาณการครั้งก่อนที่ 3.0% มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,373-1,388 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

• ฟรีวีซ่าไทย-จีน : AOT AAV MINT CENTEL ERW SPA SKY
• FTSE Large Cap. : เข้า – ออก CPF HMPRO IVL SCGP FTSE Mid Cap. : เข้า CPF HMPRO IVL SCGP ออก - FTSE Small Cap. : เข้า – ออก KEX RABBIT RAM SAMART WORK ใช้ราคาปิด 15 มี.ค.
• BTC ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง : JTS ZIGA BROOK TTA
• ราคายางพาราทำ New High รอบ 3 ปี : STA TRUBB NER TEGH

 

 

 

 

หุ้นรายงานพิเศษ

CKP (Bloomberg Consensus 4.50 บาท)
รายงานกำไร 4Q66 +656%YoY แต่-47%QoQ

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก รอ CPI สหรัฐพรุ่งนี้

•รายงานกำไร 4Q66 ที่ 467 ลบ. กำไรเติบโต 656%YoY แต่หดตัว 47%QoQ เนื่องจากส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าไซยบุรีลดลงตามปริมาณน้ำที่ลดลงจาก 3Q66 ที่ 5 พันลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีเหลือ 3.1 พันลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีตามปัจจัยตามฤดูกาล อย่างไรก็ตามโรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 ผลประกอบการปรับตัวดีขึ้นจากปริมาณน้ำในเขื่อนใน 4Q66 ทรงตัวสูงใกล้เคียงปริมาณน้ำใน 3Q66 ที่ 367 MASL(Meters Above Sea Level) เป็นปัจจัยหนุน

•บริษัทคาดปี 67 โรงไฟฟ้าน้ำงึมยังเป็นตัวหนุนต่อผลประกอบการเนื่องจากปริมาณน้ำในเขื่อนอยู่ในระดับ 367 MASL ซึ่งสูงกว่าในปี 65 และ 66 ที่ 3% และ 2% ตามลำดับ ขณะที่ผลประกอบการโรงไฟฟ้าไซยบุรีจะทรงตัวใกล้เคียงปี 66 เนื่องจากผลกระทบจากเอลนีโญทำให้ปริมาณน้ำลดลง

ความเห็น เรามีมุมมอง Negative ต่อผลประกอบการ 1Q67 เนื่องจากโรงไฟฟ้าไซยบุรีได้รับผลกระทบจากเอลนีโญทำให้ปริมาณน้ำลดลงจากปีก่อน อย่างไรก็ตามประเทศลาวจะเริ่มเข้าสู่ฤดูฝนใน 2Q67 ทำให้ผลประกอบการฟื้นตัวและพีคใน 3Q67 เราจึงแนะนำ “ซื้อสะสม”

หุ้นมีข่าว

(+) TIDLOR (Bloomberg consensus 27.00 บาท) ตั้งเป้ายอดการปล่อยสินเชื่อเติบโตราว 10-20% รับพอร์ตลูกค้าโต แถมวางหมากคุม NPL ไม่เกิน 1.8% ในสิ้นปีนี้ แย้มอยู่ระหว่างศึกษาออกหุ้นกู้ชุดใหม่ หวังรีไฟแนนซ์ของเดิม-เพิ่มสภาพคล่อง คาดชัดเจนช่วงไตรมาส 1/2567 (ที่มา ทันหุ้น)

(+) ANAN (Bloomberg consensus 0.70 บาท) กางแผนปี 2567 ลุยเปิดใหม่ 7 โครงการ มูลค่ากว่า 18,608 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขาย 23,000 ล้านบาท เติบโต 18% และมีรายได้ 14,500 ล้านบาท เติบโต 10% และยอดขายตลาดต่างประเทศ 7,699 ล้านบาท เติบโต 10% พร้อมจับมือกับพันธมิตรใหม่ระดับโลกเสริมแกร่ง ลั่นเตรียมจ่ายคืนหุ้นกู้ตามกำหนดในเดือนกรกฎาคม 2567 มูลค่า 3,231 ล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) TOA (Bloomberg consensus 30.00 บาท) ปักธงยอดขายปี 2567 โต 6-8% ครึ่งปีหลังเติบโตแข็งแกร่ง ยอมรับตลาดสีแข่งขันสูง เดินหน้าขยายตลาดเคมีภัณฑ์ก่อสร้าง ยิปซั่มบอร์ด กระเบื้อง โอกาสเติบโตสูง พร้อมต้นทุนไทเทเนียมไดออกไซด์ แกว่งกรอบแคบ เป็นบวก คาด 2 ปีใช้เงินลงทุน 2 พันล้านบาท ขยายโรงงานปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต เดินนโยบายปันผล 3% ให้ นักลงทุน พร้อมเดินหน้าสู่องค์กรแห่งความยั่งยืน (ที่มา ทันหุ้น)

(+) RCL (Bloomberg consensus 27.00 บาท) ปี 2567 วางงบลงทุน 430 ล้านดอลลาร์ขยายกองเรือ-ซื้อตู้ห้องเย็นแตะ 1,000 ตู้ ด้านแนวโน้มผลงานปี 2567 มองค่าระวางเรือยังมีความผันผวน ส่วนปริมาณการขนส่งคาดจะเพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่มีปริมาณการขนส่งอยู่ที่ 2,200,000 ตู้ เดินหน้าขยายตลาดเพิ่มฐานลูกค้า (ที่มา ทันหุ้น)