วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก Sideway Up

ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,372.16 จุด +1.61 จุด +0.12% มูลค่าการซื้อขาย 39,388 ลบ. Program Trading -1,947.04 ลบ. ต่างชาติ -2,553.61 ลบ. TFEX -3,909 สัญญา ตราสารหนี้ -148.93 ลบ.

ปัจจัยบวก    

+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 130.30 จุด หรือ +0.34% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดบวกที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และดัชนี Nasdaq ปิดพุ่งขึ้น 1.5% โดยได้แรงหนุนมากที่สุดจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและหุ้นเติบโต ท่ามกลางความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นของนักลงทุนเกี่ยวกับแนวโน้มที่ FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
+ จีนจะดำเนินนโยบายฟรีวีซ่าสำหรับสวิตเซอร์แลนด์ ไอร์แลนด์ ฮังการี ออสเตรีย เบลเยียม และลักเซมเบิร์ก เริ่มตั้งแต่ 14 มี.ค. เป็นต้นไป
+ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติ 339 ต่อ 85 เสียงผ่านร่างกฎหมายงบประมาณ 6 ฉบับแรก พร้อมส่งให้วุฒิสภาเร่งพิจารณาก่อนถึงเส้นตายในวันศุกร์นี้ (8 มี.ค.) เพื่อเลี่ยงไม่ให้หน่วยงานบางส่วนถูกชัตดาวน์
+ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามคาดและประกาศปรับลดคาดการณ์ GDP ของยูโรโซนเหลือ 0.6% ในปีนี้จากเดิมที่ 0.8%
+ FETCO Investor Confidence Index) ในอีก 3 เดือนข้างหน้าปรับเพิ่มขึ้น 37.8%MoM มาอยู่ในเกณฑ์ทรงตัว จากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ
+/- สหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกอยู่ที่ระดับ 217,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ไม่เปลี่ยนแปลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า และสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

ปัจจัยลบ   

- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 20 เซนต์ หรือ -0.25% ปิดที่ 78.93 ดอลลาร์/บาร์เรล จากแรงเทขายทำกำไร ขณะที่นักลงทุนผิดหวังหลังจากที่ FED ส่งสัญญาณว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้แต่ยังไม่มีกรอบเวลาชัดเจน

 

- สำนักงานตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศของสหภาพยุโรป (EU) เปิดเผย ว่า เดือนก.พ.ที่ผ่านมาร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ทั่วโลกนับเป็นเดือนที่ 9 ติดต่อกัน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังนำโลกเข้าสู่ "สถานการณ์ที่ไม่เคยเจอมาก่อน"
- นายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือเข้าร่วมสังเกตการณ์การฝึกภาคสนามของกองทัพสั่งการให้เตรียมความพร้อมสำหรับการสู้รบมากยิ่งขึ้น

แนวโน้มตลาดวันนี้    

คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสปรับตัว Sideway Up โดยประธานเฟด เปิดเผยต่อคณะกรรมการของวุฒิสภาสหรัฐว่า เฟดใกล้ที่จะเชื่อมั่นว่า เงินเฟ้อกำลังลดลงสู่ระดับเป้าหมายที่ 2% ซึ่งจะทำให้การปรับลดอัตราดอกเบี้ยมีความเป็นไปได้ คาดกรอบดัชนีวันนี้ที่ 1,365-1,380 จุด

กลยุทธ์การลงทุน  

• ฟรีวีซ่าไทย-จีน : AOT AAV MINT CENTEL ERW SPA SKY
• FTSE Large Cap. : เข้า – ออก CPF HMPRO IVL SCGP FTSE Mid Cap. : เข้า CPF HMPRO IVL SCGP ออก - FTSE Small Cap. : เข้า – ออก KEX RABBIT RAM SAMART WORK ใช้ราคาปิด 15 มี.ค.
• BTC ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง : JTS ZIGA BROOK TTA

 

 

 

 

หุ้นรายงานพิเศษ  

COM7 "ซื้อ" (ราคาเหมาะสม 23.70 บาท)
"ปี 67 กำไรเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลง"

•งวด 4Q66 บริษัทมีกำไรสุทธิ 668 ลบ. +9.3%QoQ, -26.6%YoY: มีรายได้จากการขาย และให้บริการ 19,995 ลบ. +22.5%QoQ, +6.5%YoY รายได้เติบโต QoQ เนื่องจาก Q4 เป็นไฮซีซั่นของธุรกิจ และ เติบโต YoY จากการเปิดตัว Iphone 15 รวมถึงใน 4Q66 มีการขยายสาขา 38 แห่ง จากใน 3Q66 บริษัทมี %GPM ที่ระดับ 11.6% จากระดับ 13.4% ใน 3Q66 และ 13.1% ใน 4Q65 ลดลง QoQ, YoY จากการทำรายการส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นยอดขาย โดยในปี 66 บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการ 69,559 ลบ. +10.9%YoY และกำไรสุทธิเท่ากับ 2,857 ลบ. -5.9%YoY

•ประมาณการกำไรปี 67 เท่ากับ 3,024 ลบ. +6%YoY: คาดการณ์รายได้จากการขายและบริการจำนวน 73,733 ลบ. เติบโต 6% จากปีก่อนหน้า เติบโตทั้งจากยอดขายของสาขาเดิม รวมถึงการเติบโตจากการเปิดสาขาใหม่ ซึ่งบริษัทตั้งเป้าเปิดเพิ่ม 150 สาขา สมมุติฐานอัตรากำไรขั้นต้น (%GPM) ที่ 13.1% ลดลงจากปี 66 ที่ 13.2% จากการแข่งขันที่สูงขึ้น รวมถึงการทำโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย

•แนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 23.70 บาท: ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกต่อการเติบโตของธุรกิจในปี 67 ประเมินราคาเหมาะสมด้วยวิธี Prospective PER ที่ 18.8 เท่า (-1.25S.D. ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี) เราคาดการณ์กำไรต่อหุ้นปี 67 ราว 1.26 บาทต่อหุ้น คำนวณเป็นราคาเหมาะสมปี 67 เท่ากับ 23.70 บาทต่อหุ้น

หุ้นมีข่าว

(+) CBG (Bloomberg consensus 77.50 บาท) รับสงกรานต์เข้าไฮซีซันเบียร์คาดยอดพุ่ง ยอมรับมกราคม-กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาดีมานด์เบียร์ลดลงเหตุไม่ใช่ซีซันการขาย เศรษฐกิจไม่เอื้อรับแบรนด์ใหม่ต้องใช้เวลา พร้อมเดินหน้าโปรโมต ล่าสุดเปิดขายเบียร์ IPA แล้ว หวังกระแสตอบรับดี ดันยอดขายกลุ่มแพ็กเกจจิ้ง ขณะที่ส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มคาราบาวดี (ที่มา ทันหุ้น)

(+) BPP (Bloomberg consensus 16.50 บาท) จ่อซื้อกิจการโรงไฟฟ้าก๊าซในสหรัฐ ชัดเจนครึ่งปีแรก หวังดันรายได้-กระแสเงินสดปีนี้โตต่อเนื่อง หลังปี 2566 ทำนิวไฮ พร้อมมุ่งลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาด-ธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ตั้งงบลงทุนปีนี้ 500 ล้านดอลลาร์ คงเป้ากำลังผลิต 5.3 พัน เมกะวัตต์ ปี 2568 จากปัจจุบันที่ 3.62 เมกะวัตต์ (ที่มา ทันหุ้น)

(+) BYD (Bloomberg consensus - บาท) เตรียมอัพสถานะเป็น "โฮลดิ้งคอมปานี" คาดแล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน 2567 พร้อมตั้งเป้ารายได้ปี 2567 เติบโตแตะ 1,000 ล้านบาท รับอานิสงส์ธุรกิจ Wealth Management คาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้น โดย ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2567 บริษัทมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUA) รวมทั้งสิ้น 5,391 ล้านบาท ส่วนธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า เริ่มมีก้าไรจากการลงทุน "ไทย สมายล์ บัส จ้ากัด“ นี้ (ที่มา ทันหุ้น)

(+) FPI (Bloomberg consensus - บาท) กางแผนธุรกิจปี 67 ปักหมุดรายได้เติบโต 10% เตรียมทุ่ม 600 ล้านบาท ลงทุนอินเดีย-ซาอุดีอาระเบีย รับอนาคตโตสวย พร้อมลุย JV ธุรกิจแม่พิมพ์ในอินเดียและจีน สร้างโรงงานใหม่ต่อยอดฐานการผลิตในประเทศเม็กซิโก หวังบุกตลาดทวีปอเมริกา ฟากบอร์ดเคาะจ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น เตรียมรับทรัพย์ 15 พ.ค.นี้ (ที่มา ทันหุ้น)