เวสต์เทกซัส 78.54 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล เบรนท์ 83.68 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล

ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคา

- ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสปรับลดลงเล็กน้อย หลังตลาดคาด FED ยังคงอัตราดอกเบี้ยระดับสูง และยังคงไม่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับที่สูงกว่า 2% ทั้งนี้ ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ Michelle Bowman กล่าวเพิ่มเติมว่าการบริโภคภายในประเทศ และกิจกรรมทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ อยู่ในระดับที่แข็งแรง ดังนั้น การลดอัตราดอกเบี้ยอาจส่งผลให้อุปสงค์และอัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นได้

+/- ราคาน้ำมันยังได้รับแรงหนุนจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง หลังผู้นำกลุ่มฮูตี Ismail Haniyeh กล่าวว่ากลุ่มอิสลามสามารถยืดหยุ่นในข้อตกลงการหยุดยิงกับอิสราเอลได้ในช่วงรอมฎอนแต่ก็ยังเตรียมพร้อมทำสงครามหากมีความจำเป็น ขณะที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ Joe Biden คาดการหยุดยิงน่าจะเริ่มต้นวันที่ 4 มี.ค. 67 และมีการเจรจาแลกเปลี่ยนตัวประกันในช่วงเวลาดังกล่าว

- สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 23 ก.พ. 67 ปรับเพิ่มขึ้น 4.2 ล้านบาร์เรล สู่ระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือนที่ 447.2 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับเพิ่มขึ้นเพียง 2.7 ล้านบาร์เรล

 

 

ราคาน้ำมันเบนซิน

ราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังรัสเซียสั่งห้ามส่งออกน้ำมันเบนซินเป็นระยะเวลา 6 เดือน โดยมีผลตั้งแต่ 1 มี.ค. 67 ในขณะที่อุปสงค์น้ำมันเบนซินอินโดนีเซียเดือน ธ.ค. 66  ปรับตัวเพิ่มขึ้น 20% สู่ระดับ 1.7 ล้านตัน ประกอบกับอุปทานตึงตัวจากโรงกลั่นอินโดนีเซียกลับมา จากการปิดซ่อมแซมช้ากว่าคาด

ราคาน้ำมันดีเซล

ราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังจีนคาดการส่งออกน้ำมันดีเซลเดือน มี.ค. 67 ที่ระดับ 1.2 - 1.3 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก ก.พ. 67 ที่ 0.9 ล้านตัน และมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 1.06 ล้านตัน ในขณะที่อุปสงค์ในอินโดนีเซียเดือน ธ.ค. 66 ลดลง 27% อย่างไรก็ตาม S&P คาดอุปสงค์น้ำมันดีเซลจีนปี 2567 เติบโต 1.8% โดยมากกว่าปี 66 ที่ระดับ 1% จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจากรัฐบาลจีน