วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง รอลุ้น เงินเฟ้อสหรัฐฯ

ทั้งนี้ ดัชนีฯ มีโอกาสเกิดสัญญาณ Break out ในสัปดาห์นี้ โดยดัชนีฯ จะอยู่ในทิศทางขาขึ้นไปที่ 1,416 จุด ได้ หากสามารถสร้าง High ที่เหนือ 1,403 จุด ขึ้นมาได้ในทางตรงกันข้ามจะเป็นสัญญาณขาลง หากดัชนีฯ ร่วงต่ำกว่า 1,379 /1,370 จุด

ประเด็น Event สำคัญ วันนี้

Holiday: ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ยังคงปิดทำการวันนี้ เนื่องในเทศกาลตรุษจีน China ตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้และตลาดหุ้นเสิ่นเจิ้น (ปิดจนถึงวันศุกร์ 16 ก.พ.) Taiwan (ปิดจนถึงวันที่ 14 ก.พ.) Vietnam (ปิดจนถึงวันที่ 14 ก.พ.) HSKI (ปิดจนถึงวันนี้)

MSCI Rebalance งวดเดือน ก.พ.: ประกาศเช้านี้ และมีผลต่อราคาปิดวันที่ 29 ก.พ. คาดส่งผลกระทบเชิงลบต่อหุ้นที่ถูกถอดออกและบวกต่อหุ้นที่ถูกเพิ่มใหม่

- MSCI Global Standard Index ถอดห้นุ 3 บจ. คือ BJC BANPU OSP (ตามคาด)
- MSCI Global Small cap index ถอดหุ้น 2 บจ คือ SUPER กับ BEC และเพิ่ม 5 บจ. คือ TISCO SKY GLOBAL และ 2 บจ. ที่ถูกถอดจาก MSCI Global Standard Index คือ BANPU กับ OSP

 

ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ มีจำนวนน้อย ขณะที่ รายงานผลประกอบการบจ. มีต่อเนื่อง

US: รายงานเงินเฟ้อ ซึ่งจะเป็นตัวแปรสำคัญต่อการกำหนดนโยบายอัตราดอกเบี้ยของเฟด มีความเสี่ยงที่อาจไม่ลดลงเร็วอย่างที่ตลาดคาดหวัง อิงจากตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ เดือน ม.ค. 2024 เร่งตัวแรง ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคผลิต (49.1 Vs 47.4 ในเดือน ธ.ค.2023), ดัชนี PMI ภาคบริการ (53.4 Vs 50.6), การจ้างงานนอกภาคเกษตร (353K Vs 333K) และ ค่าจ้างรายชั่วโมง (0.6% MoM Vs 0.4%MoM) ทำให้คาดการณ์ 1Q24E GDP ของเฟด สาขาแอตแลนต้า ผ่านแบบจำลอง GDPNow อยู่ในระดับสูงที่ +3.4% QoQ สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ หนุนอัตราเร่ง

 

 

เงินเฟ้ออุปสงค์ (Demand pull inflation) ซึ่งมีสัดส่วนในตะกร้าเงินเฟ้อสูงถึง 60% ขณะที่การฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบขึ้นมาที่ 75.9 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล (Vs 71.7 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ในเดือน ธ.ค.) ในเดือน ม.ค. 2023 และการเร่งตัวของค่าระวางคอนเทนเนอร์ที่เร่งตัวขึ้น 26.3% MoM มาที่ 2,217 จุด (Vs 1,755 จุด ในเดือน ธ.ค.) หนุนอัตราเร่งเงินเฟ้อฝั่งต้นทุน
(Cost push inflation) ปัจจัยดังกล่าวหนุนอัตราเงินเฟ้อสหรัฐให้ยังอยู่ในทิศทางของเร่งตัว และมีความเสี่ยงที่อาจจะทำให้ตลาดวันนี้มีความเสี่ยงเชิงลบ อิง Consensus คาด Headline inflation +0.2% MoM, +3.4% YoY (+0.2% MoM, +3.0% YoY ในเดือน ธ.ค.) ขณะที่ Core inflation +0.3% MoM, 3.8% YoY (+0.3% MoM, +3.9% YoY ในเดือน ธ.ค.)

Global Earnings Results: จับตารายงานผลประกอบการบจ. ที่น่าสนใจ ได้แก่ สหรัฐฯ: Cocal-Cola (คาด 4Q23E EPS USD0.49 Vs Previous USD0.45), AIG (คาด 4Q23E EPS USD1.63 Vs Previous USD1.36), Airbnb (คาด 4Q23E EPS USD0.65 Vs Previous USD0.48), Marriott International (คาด 4Q23E EPS USD2.12 Vs Previous USD1.96) ทั้งนี้ รายงานผลกาไรที่ดีหรือแย่กว่าคาด จะส่งผลเชิงบวกหรือลบต่อหุ้นรายตัว และมีผลทางอ้อมต่อ Sentiment หุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน

Thailand Earnings Results: จับตารายงานงบการเงินของ PTTGC (คาด 4Q23E รายงานกาไร +576% YoY, +223% QoQ เป็น 4,606 ล้านบาท) JMT (คาด 4Q23E กาไร +9% YoY, +14.5% QoQ เป็น 534 ล้านบาท) โดยคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นรายตัว หากออกมาดีหรือแย่กว่าคาดการณ์

กลยุทธ์ลงทุน แนะนำ หุ้นที่ปันผลสูง ได้แก่ SAT LHHOTEL INTUCH

 

 

Strategic daily picks

SAT   ปิด 18.00 บาท/แนวรับ 17.40 บาท แนวต้าน 18.60 บาท

KTX ปรับเพิ่มประมาณการกำไรจากธุรกิจปกติปี 2023E เพิ่มจากเดิมราว 4.8% เป็น 990 ล้านบาท เพื่อให้สะท้อนอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีกว่าคาด ผลักดันให้ GPM ขึ้นมาที่ระดับ 18.0% ใน 9M23 โดยปรับประมาณการ GPM ทั้งปี 2023E ขึ้นเป็น 18.1% (เพิ่มจากประมาณการเดิม 20bps) ใกล้เคียงกับปี 2022 ด้วยคุณภาพของกำไร และความมั่นคงของกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน KTX คาด SAT จะให้ปันผลตอบแทนในอัตรา 6.8% สำหรับ 2H23E และคงคำแนะนำ Neutral ด้วยมูลค่าพื้นฐานที่ 18.67 บาท

LHHOTEL    ปิด 11.90 บาท/แนวรับ 11.70 บาท แนวต้าน 12.50 บาท

LHHOTEL เข้าลงทุนในโครงการโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สเปซ พัทยา และโครงการโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ พัทยา เป็นที่เรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย. 2023 มูลค่า 9.4 พันล้านบาท ส่งผลให้มีทรัพย์สินใน Portfolio รวม 5 แห่ง และมีห้องพักรวมทั้งสิ้น 2,287 ห้อง (9M23 มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยสูงราว 90% และปัจจุบันยังคงมีการจองห้องพักล่วงหน้าอย่างต่อเนื่อง) Bloomberg Consensus ประมาณการกำไรสุทธิปี 2023 ที่ 854 ล้านบาท (+20.07% YoY) และมูลค่าเหมาะสมที่ 13.70 บาท

INTUCH   ปิด 72.75 บาท/แนวรับ 70.50 บาท แนวต้าน 75.00 บาท

ปี 2023 มีกำไรสุทธิรวม 1.31 หมื่นล้านบาท (+24.74% YoY) เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของส่วนแบ่งกำไรจากไอทีวี เนื่องจากการกลับรายการประมาณการส่วนต่างของค่าอนุญาตให้ดำเนินการค้างจ่ายและดอกเบี้ยของไอทีวี หลังศาลปกครองสูงสุดมีคำตัดสิน และการเพิ่มขึ้นของส่วนแบ่งผลกำไรจาก ADVANC และกำไรจากการขายเงินลงทุนในแรบบิท-ไลน์ เพย์ ทั้งนี้ บริษัทฯ ประกาศจ่ายเงินปันผลงวด 2H23 ที่ 1.70 บาท (XD=20 ก.พ. และ PD=19 เม.ย.) Bloomberg Consensus คาดการณ์มูลค่าเหมาะสมที่ 85.69 บาท