วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก Rebound

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก Rebound

วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหวผันผวน +,- ราว 7 จุด มีแรงซื้อหุ้นกลุ่มไอซีที ส่วนกลุ่มค้าปลีก ธนาคารเผชิญแรงขาย นักลงทุนกังวลว่าเฟดอาจจะยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. หลังจากสหรัฐฯ เปิดเผยยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่งเกิดคาด ประกอบกับ Fund Flow ที่ไหลออกต่อเนื่อง

ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,377.93 จุด -2.72 จุด -0.20% มูลค่าการซื้อขาย 50,985 ลบ. Program Trading -2,901.32 ลบ. ต่างชาติ -2,650.18 ลบ. TFEX -8,227 สัญญา ตราสารหนี้ +323.22 ลบ.

ปัจจัยบวก  

+ ดัชนีดาวโจนส์ปิด เพิ่มขึ้น 201.94 จุด หรือ +0.54% ได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นแอปเปิ้ล ขณะที่ดัชนี S&P500 ดีดตัวขึ้นใกล้แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขานรับแรงซื้อหุ้นบริษัทผลิตชิปและบริษัทที่พัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งรวมถึงหุ้นอินวิเดีย และหุ้นไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟกเจอริง โค (TSMC)
+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 1.22 ดอลลาร์ หรือ +1.6% ปิดที่ 79.10 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจาก IEA และกลุ่มโอเปคคาดการณ์ว่า อุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกจะปรับตัวสูงขึ้นในปีนี้ และแรงหนุนจากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่ปรับตัวลดลง
+ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 2.4% ในไตรมาส 4/2566 หลังจากมีการขยายตัว 2.2%, 2.1% และ 4.9% ในไตรมาส 1, 2 และ 3 ตามลำดับ
+ ธปท. ส่งร่างหลักเกณฑ์การจัดตั้ง"เวอร์ชวลแบงก์" ให้ก.คลังพิจารณาแล้ว ลุ้นไตรมาสแรกประกาศคุณสมบัติและเปิดรับสมัครผู้ให้บริการได้ คาดเริ่มให้บริการได้ภายในปี 69
+ จากกรณีที่มีข่าวว่า เกีย คอร์ปอเรชั่น ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับสองของเกาหลีใต้ตัดสินใจไม่ลงทุนในไทยนั้น สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) แจ้งว่าได้รับการยืนยันจากเกียว่ายังคงเดินหน้าการเจรจากับรัฐบาลไทยและจะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด
+ ททท.ชี้คลื่นความร้อนทำต่างชาติหนีเที่ยวไทยพุ่ง ชงรัฐบาลขยาย วีซ่าฟรี กลุ่มนักท่องเที่ยวระยะไกล กระตุ้นเป้ารายได้ 2.3 ล้านล้านบาท

ปัจจัยลบ 

- FedWatch Tool บ่งชี้ว่านักลงทุนให้น้ำหนักเพียง 56% ที่ FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 19-20 มี.ค. ซึ่งลดลงจากที่เคยให้น้ำหนักสูงกว่า 80%
 

- ปากีสถานโจมตีกลุ่มติดอาวุธแบ่งแยกดินแดนภายในอิหร่าน ตอบโต้ที่รัฐบาลอิหร่านโจมตีฐานกลุ่มติดอาวุธที่เชื่อมโยงกับอิสราเอลภายในดินแดนปากีสถานเมื่อสองวันก่อนหน้า
- สหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 16,000 ราย สู่ระดับ 187,000 รายในสัปดาห์ที่แล้วต่ำสุดในรอบ 16 เดือน และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 208,000 ราย
- กยศ.มีหนี้เสียสะสม นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนมา รวมราว 1 แสนล้านบาท ซึ่งยอดหนี้เสียดังกล่าว สูงขึ้นเกือบเท่าตัว เมื่อเทียบกับปี 61 ที่มีหนี้เสียอยู่ประมาณ 6 หมื่นล้านบาท

แนวโน้มตลาดวันนี้    

คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาส Rebound ตามทิศทางตลาดต่างประเทศ หลังอ่อนตัวลงก่อนหน้า โดยมีแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวขึ้นหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน ประกอบกับได้แรงหนุนจากหุ้นอิเล็กทรอนิกส์ หลังหุ้นบริษัทผลิตชิปและบริษัทที่พัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ปรับตัวขึ้น มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,370-1,385 จุด

กลยุทธ์การลงทุน    

• Easy E-Receipt : BJC CPALL CPAXT COM7 SPVI CPW JMART HMPRO DOHOME GLOBAL ZEN M AU TNP KK
• หุ้นที่มี ESG สูง และอยู่ใน SET50 : ADVANC CPALL CPF CRC OR PTTEP TOP
• หุ้นเด่น IAA : AOT CPALL CPN GPSC
• ครม.เคาะกรอบงบประมาณปี 68 วงเงิน 3.6 ล้านลบ. : CK STEC CIVIL UNIQ

 

 

หุ้นรายงานพิเศษ  

HMPRO (ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 16 บาท)
Easy e-receipt หนุนยอดขาย 1Q67 โตต่อเนื่อง

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก Rebound

•รายงานรายได้ 9M66 เท่ากับ 54,645 ลบ. +7%YoY และมีกำไรสุทธิ 4,764 ลบ. +4%YoY สาเหตุมาจากการขยายสาขาเพิ่มขึ้นประกอบกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ จึงหนุนอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 26.2% ใน 9M65 เป็น 26.4% ขณะที่อัตรากำไรสุทธิลดลงเหลือ 9.3% จาก 9.5% ใน 9M65 เนื่องจากต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น

•ผู้บริหาร ตั้งเป้าทั้งปี 67 ยอดขาย SSSG ต่อสาขาเพิ่มขึ้น 2-3% อีกทั้งเน้นขาย Private brand มากขึ้นโดยปัจจุบัน 17% เป็น 20% จากรายได้ของโฮมโปร ซึ่งจะช่วยหนุนอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 27% ส่วน 4Q66 บริษัทขยายสาขาเพิ่มอีก 2 สาขา ได้แก่ เมกาโฮมทุ่งสงและโฮมโปรภูเก็ต รวมทั้งปี 66 มีสาขาทั้งสิ้น 127 สาขา +8.5%YoY

ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อผลประกอบการ 4Q66 - 1Q67 เนื่องจากมีโครงการ Easy e-Receipt และเหตุการณ์น้ำท่วมภาคใต้ช่วงปลายปี 66 จะหนุนให้ยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ตกแต่งบ้านเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ Bloomberg consensus คาดกำไรทั้งปี 66 เท่ากับ 6,582 ลบ. +6%YoY กำไร 9M66 คิดเป็น 72% ของประมาณการทั้งปี ขณะที่ราคาหุ้นปรับตัวลงมา -7%MoM ทำให้หุ้นซื้อขายที่ P/E 23 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม 27 เท่า เราจึงแนะนำ “ซื้อ”

หุ้นมีข่าว

(+) SNNP (Bloomberg consensus 24.00 บาท) รับอานิสงส์จีน-ไทย จ่อเลิกวีซ่าถาวร คาดชัดเจนช่วงมีนาคม 2567 ชี้หากลุล่วงหนุนยอดขายสินค้าพุ่ง แถม Easy e-Receipt ช่วยกระตุ้นดีมานด์โมเดิร์นเทรดคึกคัก พร้อมเปรยปี 2567 ภาพรวมเติบโตต่อเนื่อง รับพอร์ตลูกค้าโต-สินค้าใหม่หนุน (ที่มา ทันหุ้น)

(+) GFPT (Bloomberg consensus 13.45 บาท) คาดรายได้รวมทั้งปี 2566 เติบโตได้ 5% มั่นใจเริ่มเดินเครื่องทดสอบไลน์ผลิตโรงเชือดใหม่ช่วงปลายไตรมาส 2/2567 หนุนยอดขายเร่งตัวช่วงครึ่งหลังของปี 2567 ขณะที่ช่วงครึ่งแรกของปี รับอานิสงส์ต้นทุนอาหารสัตว์ปรับตัวลง และราคาผลิตภัณฑ์ในประเทศทรงตัวสูง หนุนรายได้รวมปี 2567 โตราว 3-5% (ที่มา ทันหุ้น)

(+) SCN (Bloomberg consensus - บาท) ปักธงรายได้โต 30% จากทั้ง 4 กลุ่ม Oil & Gas, ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ธุรกิจยานยนต์ และธุรกิจขนส่ง มองความต้องการ NGV ยังสูง ด้านขนส่งก๊าซ NGV ให้ ปตท. ปีนี้มีอัพไซด์ หลังคว้าพื้นที่ขนส่งเพิ่มรวมปริมาณการขนส่งเพิ่มเป็น 1 ล้านกิโลกรัมต่อวัน เล็งนำบริษัทย่อยเข้าเทรดปลายปี ขยายธุรกิจพลังงานเพิ่ม (ที่มา ทันหุ้น)

(+) PSTC (Bloomberg consensus - บาท) เดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจปี 2567 รุกธุรกิจพลังงานทดแทน เน้นขยายตลาดกลุ่มลูกค้า Private PPA ฟากผู้บริหารมั่นใจทุกธุรกิจเติบโตตามแผน ลั่น "ขนส่งน้ำมันทางท่อ" เส้นทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ่อคิวใช้อย่างคึกคัก พร้อมดันรายได้โตไม่ต่ำกว่า 10% (ที่มา ทันหุ้น)