กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ : บล.เคจีไอฯ แนวโน้มฟื้นตัวได้บ้าง ติดตามเครื่องชี้เศรษฐกิจสหรัฐฯ / จีน ต่อไป

กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ : บล.เคจีไอฯ แนวโน้มฟื้นตัวได้บ้าง ติดตามเครื่องชี้เศรษฐกิจสหรัฐฯ / จีน ต่อไป

น่าจะรีบาวนด์ได้บ้าง หลังปรับฐานแล้วในสัปดาห์ก่อน ในสัปดาห์ที่แล้ว (8-12 มกราคม) ตลาดหุ้นไทยอยู่ในโหมด sideways down ซึ่งเป็นไปตามมุมมองรายสัปดาห์ของเรา

โดยในตลาดโลก นักลงทุนยังคงมองว่าจังหวะการขยับดอกเบี้ยของ Fed มีความไม่แน่นอนสูงขึ้น เพราะตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐยังแข็งแกร่ง และ CPI เดือนธันวาคมสูงเกินคาด ซึ่งเมื่อพิจารณาหุ้นไทยเป็นรายกลุ่ม พบว่ากลุ่มธนาคารถูกกดดันจากความขัดแย้งระหว่างรัฐบาล กับ ธปท.เกี่ยวกับการดำเนินนโยบายการเงิน และการปรับลดคำแนะนำของโบรกเกอร์ต่างชาติ นอกจากนี้ หุ้นพลังงานบางตัวในเครือ PTT* ยังถูกกดดันจากราคาก๊าซ single pool ในขณะที่หุ้นหลักกลุ่มอื่น ๆ ยังประคองตัวได้ค่อนข้างดี

 

ในสัปดาห์นี้ (15-19 มกราคม) ดัชนี SET น่าจะฟื้นตัวได้บ้าง หลังจากตลาดหุ้นไทยปรับฐานแล้วในสัปดาห์ก่อน และลงมาใกล้ระดับทางจิตวิทยา 1,400 จุด ขณะที่ตัวเลข GDP ของจีนสำหรับ 4Q66 ที่จะออกมาในสัปดาห์นี้น่าจะแข็งแกร่งกว่าใน 3Q66 ทั้งนี้ นักลงทุนควรติดตามประเด็นสำคัญ ๆ อย่างเช่น i) การปรับตัวของตลาดต่อความคาดหมายของจังหวะการลดดอกเบี้ยสหรัฐ และ ii) สถานการณ์การเมืองโลกหลังจากที่พรรค DPP ชนะการเลือกตั้งในไต้หวันเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งจากการประเมินเบื้องต้น จีนดูไม่สบายใจกับผลการเลือกตั้งที่ออกมา สำหรับปัจจัยภายในประเทศไทย กลุ่มธนาคารจะเริ่มส่งงบ 4Q66 ในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดโทนของกลุ่มหลังจากที่ราคาหุ้นปรับลดลงในช่วงที่ผ่านมา จากความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกับ ธปท. เรื่องอัตราดอกเบี้ย

 

 

ติดตามตัวเลขเศรษฐฏิจของจีนและของสหรัฐฯ รวมถึงสถานการณ์ด้านภูมิรัฐศาสตร์หลังการเลือกตั้งในไต้หวัน

ปัจจัยต่างประเทศ: นักลงทุนควรติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญดังต่อไปนี้ i) อัตราดอกเบี้ย MLF 1 ปี ของประเทศจีนในวันที่ 15 มกราคม และ GDP 4Q67 ในวันที่ 17 มกราคม ซึ่งล่าสุดทางการจีนตัดสินใจคงดอกเบี้ยนโยบายดังกล่าวไว้ที่ 2.50% ขณะที่ consensus คาด GDP 4Q66 ของจีนจะอยู่ที่ 5.2% YoY จาก 4.9% YoY ใน 3Q66 ii) ยอดค้าปลีกสหรัฐเดือนธันวาคมในวันที่ 17 มกราคม ในขณะเดียวกัน นักลงทุนควรติดตามท่าทีของประเทศต่าง ๆ ต่อผลการเลือกตั้งของไต้หวันหลังจากที่พรรค DPP ชนะการเลือกตั้ง

ปัจจัยในประเทศ: นัลงทุนควรติดตาม i) การแถลงข่าวของ ธปท. ในวันนี้เกี่ยวกับการดำเนินนโยบายการเงินของประเทศไทย ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่มองว่าน่าจะเป็นการอธิบายถึงจุดยืนของธปท.หลังจากที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยสูงเกินไป ii) กระแสข่าวเกี่ยวกับมาตรการ digital wallet ซึ่งยังมีความไม่แน่นอนสูง

แนะนำซื้อเก็งกำไรหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจจีน และเชื่อมโยงภาคการท่องเที่ยว

เรามองว่าการท่องเที่ยวไทยมีแนวโน้มจะแข็งแกร่งขึ้นในระยะสั้น โดยได้แรงส่งจากกระแสข่าวเศรษฐกิจด้านบวกจากจีนในสัปดาห์นี้ และตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ขยับสูงขึ้น โดยในกลุ่มนี้เราชอบ AOT*, AAV* และ ERW* นอกจากนี้ เรายังคาดว่าหุ้นผู้บริโภคจะ outperform ตลาดจากมาตรการ e-Refund ซึ่งจะส่งผลดีกับหุ้นอย่างเช่น CPN* และ HMPRO* รวมถึงหุ้นที่ถูกเทขายหนักซึ่งผลประกอบการ 4Q66 มีแนวโน้มจะแข็งแกร่ง อย่างเช่น CPALL* และ CPAXT* เรายังคงแนะนำให้
หลีกเลี่ยงหุ้นกลุ่มพลังงาน เพราะตลาดน้ำมันยังเปราะบางและมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายราคาก๊าซของประเทศไทย