วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ PTTEP ประมาณการ 4Q66F: ขาดทุนจากการด้อยค่าของโครงการที่โมซัมบิก

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ PTTEP ประมาณการ 4Q66F: ขาดทุนจากการด้อยค่าของโครงการที่โมซัมบิก

เราคาดว่ากำไรสุทธิของ PTTEP ใน 4Q66F จะอยู่ที่ 1.74 หมื่นล้านบาท (+11% YoY, -4% QoQ) โดยกำไรที่เพิ่มขึ้น YoY แต่ลดลง QoQ จะเป็นเพราะมีผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ประมาณ 125 ล้านดอลลาร์ฯ ใน 4Q66F

ซึ่งเกิดจากการเลื่อนกำหนด COD ของโครงการโมซัมบิกออกไปหนึ่งปีเป็น 1H71F แม้ว่าบริษัทจะบันทึกกำไรพิเศษประมาณ 60 ล้านดอลลาร์ฯ จากการขายโครงการสำรวจปิโตรเลียม Cash & Maple ออกไปใน 4Q66 เมื่อเปรียบเทียบกับมีผลขาดทุนพิเศษ 334 ล้านดอลลาร์ฯ ใน 4Q65 (ผลขาดทุนจากการด้อยค่าของโครงการโมซัมบิกและค่าใช้จ่ายในการทำข้อตกลงไกล่เกลี่ยคดีฟ้องร้องแบบกลุ่มของโครงการ Montara) และไม่มีกำไร/ขาดทุนพิเศษใน 3Q66 แต่หากไม่รวมรายการพิเศษ เราคาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักของ PTTEP ใน 4Q66F จะลดลงทั้ง YoY และ QoQ เนื่องจากต้นทุนต่อหน่วยเพิ่มขึ้นและราคาน้ำมันดิบลดลง เราคาดว่าต้นทุนต่อหน่วยของ PTTEP จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 1% QoQ เป็น US$29.3/BOE เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการสำรวจปิโตรเลียมและ SG&A สูงขึ้น นอกจากนี้ เรายังคาดว่าราคาขายเฉลี่ย (ASP) ของ PTTEP จะอยู่ที่ US$48.5/BOE ซึ่งแทบไม่เปลี่ยนแปลง QoQ เพราะราคาขายผลิตภัณฑ์ที่เป็นของเหลวที่ลดลงตามราคาน้ำมันดิบถูกชดเชยด้วยราคาก๊าซที่เพิ่มขึ้นเป็น US$5.9/mmbtu (+2% QoQ) ในขณะเดียวกันเราคาดว่าปริมาณยอดขายของบริษัทจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 2% QoQ เป็น 477KBOED เพราะไม่มีการปิดซ่อมบำรุงโครงการบงกชตามแผนทั้งโครงการนาน 19 วันเหมือนกับใน 3Q66

ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2566F-2568F ขึ้นอีก 3%/1%/1%

เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2566F ขึ้นอีก 3% เป็น 7.58 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทำสถิติสูงสุดใหม่เพราะเราปรับเพิ่มกำไรพิเศษประมาณ 60 ล้านดอลลาร์ฯ จากการขายโครงการสำรวจปิโตรเลียม Cash & Maple ใน 4Q66F นอกจากนี้ เรายังปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2567F และ 2568F ขึ้นอีก 1% เป็น 6.40 หมื่นล้านบาท และ 5.51 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ จากการลงทุนล่าสุดในโครงการพลังงานลม ทั้งนี้เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2566 PTTEP แจ้ง SET ว่าได้เข้าไปซื้อหุ้น 50% ใน TotalEnergies Renewables Seagreen Holdco Ltd (TERSH) ซึ่งถือหุ้น 51% ในโครงการ Seagreen Offshore Wind Farm ดังนั้น PTTEP จึงจะถือหุ้นทางอ้อม 25.5% ในโครงการนี้ ซึ่งตั้งอยู่ใน Scotland ประเทศอังกฤษ โครงการนี้มีกังหันลม 114 ต้น กำลังการผลิตรวม 1.1GW (กำลังการผลิตสุทธิของ PTTEP 280MW) และเริ่มเปิดดำเนินการเต็มที่ในเดือนตุลาคม 2566 โดยดีลการซื้อครั้งนี้มีมูลค่ารวมประมาณ 689 ล้านดอลลาร์ฯ (ใช้เงินสดในมือของ PTTEP ซื้อ) ซึ่งคาดว่าจะปิดดีลได้ใน 2Q67F นอกจากนี้ เรายังคาดว่าโครงการพลังงานลมใหม่นี้จะทำกำไรให้ PTTEP ปีละประมาณ 1.0-1.2 พันล้านบาท ในช่วงปี 2567F-2571F โดยอิงจาก i) ราคาขายไฟฟ้าที่ £40-70/GWh, ii) capacity factor ที่ 45%, iii) อายุการใช้งานโครงการ (project life time) ที่ 35 ปี และ iv) สัดส่วน D/E อยู่ที่ 70:30

Valuation & Action

เรายังคงคำแนะนำถือ PTTEP และคงราคาเป้าหมาย DCF ปี 2567F เอาไว้เท่าเดิมที่ 165.00 บาท โดยใช้ WACC ที่ 8.8% และ terminal growth ที่ 1.0%

Risks

ความผันผวนของราคาน้ำมันดิบและก๊าซ

 

 

 

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ PTTEP ประมาณการ 4Q66F: ขาดทุนจากการด้อยค่าของโครงการที่โมซัมบิก

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ PTTEP ประมาณการ 4Q66F: ขาดทุนจากการด้อยค่าของโครงการที่โมซัมบิก