วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก Sideway

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก Sideway

วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหว sideway up ราว 5-7 จุด มีแรงซื้อหุ้นกลุ่มธนาคาร ค้าปลีก และพลังงาน แต่มีแรงขายหุ้น DELTA กดดันดัชนีเล็กน้อย ราว -3.3 จุด โดยตลาดหุ้นได้แรงหนุนจากเม็ดเงินกองทุน Thai ESG รวมถึงการทำ Window Dressing ในวันทำการสุดท้ายของปี

ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,415.85 จุด +5.42 จุด +0.38% มูลค่าการซื้อขาย 47,794 ลบ. Program Trading +1,324.48 ลบ. ต่างชาติ +3,971.83 ลบ. TFEX +14,041 สัญญา ตราสารหนี้ +2,602.56 ลบ.

ปัจจัยบวก    

+/- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก น้ำมัน ทองคำ และตลาดหุ้นยุโรปปิดทำการวันจันทร์ที่ 1 ม.ค. เนื่องในวันปีใหม่
+ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ผู้นำจีนระบุว่าจีนจะส่งเสริมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในปี 2567 และสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจระยะยาวด้วยการปฏิรูปในเชิงลึก
+ สิงคโปร์ เปิดเผยว่า GDP ในปี 2566 ขยายตัว 1.2% สูงกว่าที่คาดการณ์ว่าจะขยายตัวเพียง 1% ทำให้สิงคโปร์สามารถรอดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปี 2566
+ เว็บไซต์ทราเวลเนส (Travelness) เปิดเผย รายชื่อเมืองที่มีนักเดินทางต่างชาติเดินทางเยือนมากที่สุดในโลกในปี 2566 อิงดัชนี Global Destination Cities Index ได้แก่ กรุงเทพ โดยมียอดนักเดินทางต่างชาติมาเยือน 22.78 ล้านราย ค้างคืนเฉลี่ย 4.7 คืนและใช้จ่ายเฉลี่ย 173 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน
+ ททท. ประเมินว่าบรรยากาศ การเดินทางท่องเที่ยวไทยทั้งตลาดต่างประเทศและตลาดในประเทศในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2567 ที่คึกคักขึ้นจากปีที่ผ่านมาก่อให้เกิดรายได้ทางการท่องเที่ยวไทยรวมประมาณ 54,400 ล้านบาท +44%YoY
+ ธปท.ระบุว่าในเดือน ธ.ค.66 ยังได้รับแรงส่งจากการท่องเที่ยวและอุปสงค์ในประเทศเป็นหลัก แต่ระยะต่อไปต้องติดตาม 1) การฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนและการส่งออกสินค้า 2) ผลกระทบจากความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ 3) นโยบายของภาครัฐ และ 4) ผลกระทบของเอลนีโญ ลุ้นภาคการส่งออกจะกลับมาช่วยภาคท่องเที่ยวอีกแรง

ปัจจัยลบ 

- จีนเปิดเผยว่า PM ภาคการผลิตของจีนปรับตัวลดลงแตะ 49.0 ในเดือนธ.ค. จากระดับ 49.4 ในเดือนก่อนหน้าและยังลดหนักกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 49.5
 

 

 

- คิม จองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือมีคำสั่งให้กองทัพเตรียมความพร้อมทำสงครามเพื่อเตรียมเผชิญหน้ากับการเคลื่อนไหวของสหรัฐชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
- 1 ม.ค. 67 เกิดเหตุแผ่นดินไหว 7.6 แมกนิจูดและคลื่นสึนามิบริเวณพื้นที่ภาคกลางของญี่ปุ่นและชายฝั่งตะวันตกของประเทศ ส่งผลให้ทางการญี่ปุ่นประกาศเตือนภัยและล่าสุดได้ยกเลิกเตือนภัยสึนามิแล้วหลังเกิดแผ่นดินไหวรวม 155 ครั้ง
- กัมพูชาประกาศพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 สายพันธุ์ย่อย JN.1 จำนวน 4 รายแรก ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากสายพันธุ์ BA.2.86 ที่มีการกลายพันธุ์สูง
- อิสราเอลโจมตีอย่างต่อเนื่องส่งผลกระทบอย่างหนักต่อฉนวนกาซาขณะที่โฆษกกองทัพอิสราเอลเตือนว่าสงครามกับกลุ่มฮามาสในดินแดนกาซาจะดาเนินต่อไปตลอดปี 2567
- รัสเซียจะเพิ่มการโจมตีเป้าหมายทางทหารในยูเครนหลังจากมีเหตุโจมตีของยูเครนอย่างไม่คาดคิดเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาในเมืองเบลโกรอดของรัสเซีย

แนวโน้มตลาดวันนี้    

คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสแกว่งตัวในลักษณะ Sideway ออกข้าง หลังผ่านพ้นช่วงหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ โดยตลาดยังขาดปัจจัยใหม่ๆเข้ากระทบตลาด นักลงทุนในประเทศยังจับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐในปี 67 มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,410-1,420 จุด

กลยุทธ์การลงทุน  

• Easy E-Receipt : BJC CPALL CPAXT CRC CPN COM7 SPVI CPW JMART HMPRO DOHOME GLOBAL ZEN M AU TNP KK
• หุ้นที่มี ESG สูง และอยู่ใน SET50 : ADVANC CPALL CPF CRC OR PTTEP TOP
• ค่าระวางเรือคอนเทนเนอร์ปรับตัวขึ้น 41%QTD : RCL

 

หุ้นรายงานพิเศษ  

SYNEX (Bloomberg Consensus 12.50 บาท)
รายงานกำไร 3Q66 ดีกว่าคาด 5%

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก Sideway

•รายงานกำไร 143 ลบ. หดตัว 34%YoY แต่เติบโต 63%QoQ โดยมีรายได้ 9.37 พันลบ. เติบโต 10%QoQ เนื่องจากการเปิดตัวสินค้าแบรนด์ APPLE โดยเฉพาะ iPhone 15 ในเดือน ก.ย. 2566 แต่หดตัว 7%YoY เนื่องจากสินค้าคอนซูเมอร์ยังได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 3.78% ใน 2Q66 สู่ 3.88% เนื่องจาก Product Mix ที่เปลี่ยนแปลงไป ด้านค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารปรับตัวลงจาก 229.7 ลบ. ใน 2Q66 เหลือ 193 ลบ. ใน 3Q66 เนื่องจากการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง ขณะที่มีกำไร 9M66 ที่ 365 ลบ.-42%YoY และคิดเป็น 74% ของประมาณการกำไรปี 66 จาก Bloomberg

ความเห็น คาดว่าผลประกอบการ 4Q66 เริ่มฟื้นตัวจากการควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ภาครัฐได้ออกมาตรการ Easy E-Receipt ระหว่าง 1 ม.ค. 67-15 ก.พ. 67 เป็นปัจจัยหนุนต่อผลประกอบการใน 1Q67 เพิ่มเติม ทั้งนี้ราคาหุ้นปรับตัวลง 40%YTD ตอบรับผลประกอบการที่ชะลอตัวไปแล้ว อีกทั้งยังมี upside 25% เราจึงแนะนำ “ซื้อ”

หุ้นมีข่าว

(+) AOT (Bloomberg consensus 77.00 บาท) โชว์สถิติผู้โดยสารไตรมาส 1/2567 (ต.ค.-ธ.ค. 2566) ฟื้นตัวแกร่ง และจะเร่งตัวเฉลี่ยที่ราว 2.1-2.2 แสนคนต่อวัน หรือฟื้นตัว 100% เทียบกับปีก่อนโควิด ในช่วงตารางบินฤดูหนาว (ต.ค.2566-มี.ค.2567) นี้ รุกแผนพัฒนาศักยภาพรองรับสนามบินในการบริหาร 11 แห่ง นักวิเคราะห์ชี้ขึ้นค่าบริการผู้โดยสารขาออกเป็นอัพไซด์เป้า 85 บาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) IHL (Bloomberg consensus - บาท) รับรู้รายได้ใหญ่ตั้งแต่มกราคม ทั้งปี 2567 รับเพิ่ม 1.2 พันล้านบาท จากการเข้าดำเนินธุรกิจหนังรองเท้าแทน WOLVERINE ผู้ผลิตรองเท้าหลายแบรนด์ดัง ชี้จะทำให้การเติบโตก้าวกระโดด ตั้งแต่เดือนแรกของปี ใช้ความเชี่ยวชาญธุรกิจหนังสร้างประสิทธิภาพธุรกิจร่วมกัน ชูผลตอบแทนดี เตรียมชงแผนปี 2567 เข้าบอร์ด (ที่มา ทันหุ้น)

(+) BGC (Bloomberg consensus 9.85 บาท) รับอานิสงส์ปีใหม่ กินดื่มเพิ่มขึ้น ดันยอดขายในช่วงไตรมาส 4/2566 เติบโตกว่าช่วงปกติประมาณ 50-60% ประเมินยอดขายทั้งปี 2566 จะเติบโต 5-6% ส่วนแนวโน้มในปี 2567 เชื่อโตต่อ ด้านผู้บริหารระบุว่าหุ้น BGC มีสภาพคล่องการซื้อขายไม่มาก เนื่องจากนักลงทุนที่ถือหุ้นจะเป็นการลงทุนระยะยาว ส่วนหนึ่งมาจากการที่บริษัทสามารถจ่ายเงินปันผลต่อเนื่องทุกไตรมาส และสูงกว่านโยบายที่กำหนดไว้ (ที่มา ทันหุ้น)

(+) BLC (Bloomberg consensus - บาท) เล็งศึกษาปั้นอาหารสุขภาพเติมเต็มทั้งเพศชาย-หญิง สร้างมูลค่าเพิ่ม ต่อยอดธุรกิจ คาดชัดเจนไม่เกินกลางปี 2567 บอสใหญ่ "สุวิทย์ งามภูพันธ์" ลั่นปี 2567 รายได้โตทะลุ 1.6 พันล้านบาท รับพอร์ตลูกค้าขยายตัว-เสิร์ฟโปรดักต์ใหม่ต่อเนื่อง ส่วนเรื่องสร้างโรงงานผลิตยาใหม่ คาดเคาะผู้รับเหมาได้ในปี 2567 กำหนดแล้วเสร็จในปี 2569 ดันกำลังผลิตพุ่ง 193% (ที่มา ทันหุ้น)