วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง ตัวเลขภาคการผลิตโลก

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง ตัวเลขภาคการผลิตโลก

ทางเทคนิค คาด SET Index เคลื่อนไหว Sideways แนวรับ 1,370/1,366 จุด แนวต้าน 1,380/1,393 จุด (EMA 10/25 วัน) หลังจากวานนี้ ดัชนีฯ สามารถเกิดสัญญาณ Reversal Pattern (ฟื้นตัวแบบ V-Shape ทันที หลังวันก่อนหน้า ร่วงลงไปทำระดับต่ำสุดกว่า 3 ปี ที่ 1,354.73 จุด)

ทำให้ตลาดกลับมาอยู่ระหว่างทางเลือกอีกครั้ง โดยจะเปลี่ยนเป็นขาขึ้นได้ หากสามารถยืนเหนือระดับ 1,380 จุด และทะลุแนวต้าน EMA 25 วัน ที่ 1,393 จุด ในทางตรงกันข้ามจะกลายเป็นแนวโน้มขาลงไปที่ระดับต่ำกว่า 1,333 จุด หากดัชนีฯ หลุดแนวรับเดิม 1,366/1,354 จุด ตามลำดับ

ประเด็น Event สำคัญ วันนี้

+/-Opportunity Day: จับตาสัญญาณ Earnings Guidance ของบจ. PQS TNP MENA PIN VCOM GABLE คาดส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นรายตัว หากมีสัญญาณ Negative/Positive Guidance

+/-SET50/SET100 Index: ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะมีการประกาศรายชื่อหุ้นชุดใหม่สำหรับการคำนวณดัชนีฯ งวดวันที่ 1 ม.ค.-30 มิ.ย. 2024 โดยคาดว่าจะเป็นผลบวกต่อหุ้นที่ถูกเพิ่ม และเป็นผลลบต่อหุ้นที่ถูกถอดออก (ตลาดคาดว่า KCE จะถูกเพิ่มคำนวณ ขณะที่ TLI ถูกถอด จากการคำนวณดัชนี SET50 Index ส่วนที่ยังรอความชัดเจนคือ DELTA INTUCH อาจคงหรือถูกถอดออกจากการคำนวณ)

+/-FTSE Quarterly Review ครั้งใหม่: ผลจากการรีบาลานซ์ดังกล่าว จะส่งผลต่อราคาปิดวันนี้เป็นวันแรก

 

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง ตัวเลขภาคการผลิตโลก

 

ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญวันนี้

+รายงานรวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นเดือน ธ.ค. ของ US EU Japan: Consensus คาดว่า Japan EU รายงานตัวเลขดีขึ้น ส่วน US รายงานตัวเลขลดลงเล็กน้อย สะท้อนเศรษฐกิจโลกมีสัญญาณดีขึ้น

US คาดภาครวมการผลิตและบริการเดือน ธ.ค. ลดลงเล็กน้อย แต่อยู่ในระดับขยายตัวที่ 50.5 (จาก 50.7) ภาคการผลิตอยู่ที่ 49.3 (จาก 49.4) ภาคบริการอยู่ที่ 50.6 (จาก 50.8)

EU คาดภาครวมการผลิตและบริการเดือน ธ.ค. ดีขึ้นเล็กน้อย แต่ยังคงอยู่ในระดับหดตัว เป็น 48 (จาก 47.6) ภาคการผลิตอยู่ที่ 44.6 (ดีขึ้นจาก 44.2) ภาคบริการดีขึ้นเป็น 49 (จาก 48.7)

Japan คาดภาครวมการผลิตและบริการเดือน ธ.ค. ดีขึ้น และอยู่ในระดับขยายตัว เป็น 50.8 (จาก 49.6) ภาคการผลิตอยู่ที่ 49.5 (จาก 48.3) ภาคบริการอยู่ที่ 52 (จาก 50.8)

+China: คาดรายงานตัวเลขเศรษฐกิจฟื้นตัวดีขึ้นในเดือน พ.ย. โดยยอดค้าปลีกคาด +12.5% YoY (จาก +7.6% YoY) ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มเป็น +5.6% YoY (จาก +4.6% YoY) Fixed Asset Investment (YTD) ดีขึ้นเล็กน้อยเป็น +3% YoY (จาก +2.9% YoY) ส่วนอัตราว่างงานคาดทรงตัวที่ 5% และราคาบ้าน House Price Index ยังคงเติบโตติดลบ -0.2% YoY (จาก -0.1% YoY) ทั้งนี้ การฟื้นตัวดังกล่าวเป็นผลจากการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ทั้งการผ่อนคลายมาตรการทางการเงิน และการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม เพื่อให้เศรษฐกิจจีนเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ 5% ในปี 2023-24E

กลยุทธ์ลงทุน แนะนำ หลักทรัพย์ที่มีโอกาสถูกเพิ่มคานวณในดัชนี SET100 Index ได้แก่ BA และหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี BCP ERW

 

Strategic daily picks

BCP   ปิด 42.50 บาท/แนวรับ 41 บาท แนวต้าน 45 บาท

ตั้งงบลงทุน 7 ปี (ปี 2024-30) ที่ 1.5 แสนล้านบาท แบ่งเป็นลงทุนในธุรกิจโรงกลั่นและลงทุนด้านมาร์เก็ตติ้ง 30% ธุรกิจ E&P, โอเกีย, Natural Resource 30%, ธุรกิจ Green power 30% และธุรกิจไอโอแก๊ส 10% ซึ่งในปี 2024 ตั้งงบลงทุนที่ 5 หมื่นล้านบาท และตั้งเป้ารายได้โตแตะ 5 แสนล้านบาท (ปี 2023 คาด 3.6 แสนล้านบาท) จากกำลังการกลั่นจะเพิ่มเป็น 2.78 แสนบาร์เรล/วัน (จาก 1.55 แสนบาร์เรล/วัน ในปี 2023) หลังควบรวมกิจการ BSRC (ESSO เดิม) Bloomberg Consensus ประมาณการกำไรสุทธิปี 2023 ที่ 1.36 หมื่นล้านบาท (+7.94% YoY) และมูลค่าเหมาะสมที่ 47.57 บาท

BA    ปิด 14.30 บาท/แนวรับ 13.80 บาท แนวต้าน 14.90 บาท

คาดทั้งปี 2023 อัตราการบรรทุกผู้โดยสารจะอยู่ในระดับเฉลี่ยใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ 80% และเป้าหมายจำนวนผู้โดยสารไม่น้อยกว่า 4-4.4 ล้านราย (9M23=3 ล้านราย) นอกจากนี้ บริษัทวางแผนการเพิ่มความถี่ของเส้นทางการบินในเมืองท่องเที่ยวสำคัญ เช่น สมุย กรุงเทพฯ เชียงใหม่ และภูเก็ต ในช่วง 4Q23 และปี 2024 ขณะที่การปรับขึ้นราคาค่าโดยสารใน 4Q23 จะอยู่ในระดับเฉลี่ยที่ใกล้เคียงกับ 3Q23 เพราะเป็นราคาที่สะท้อนต้นทุนที่เกิดขึ้นจริง Bloomberg Consensus ประมาณการกำไรสุทธิปี 2023 ที่ 2.88 พันล้านบาท (พลิกจากขาดทุน 2.11 พันล้านบาท) และมูลค่าเหมาะสมที่ 19.69 บาท

ERW    ปิด 5.15 บาท/แนวรับ 4.90 บาท แนวต้าน 5.55 บาท

คาดรายได้เฉลี่ยนต่อห้อง (RevPar) ทั้งปี 2023 สูงกว่าช่วงปี 2019 มากกว่า 10% และยังมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นได้ต่อเนื่องในปี 2024 จากความต้องการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ พร้อมยังคงแผนลงทุนขยายโรงแรมมุ่งเน้นกลุ่มโรงแรมบัดเจ็ท (HOP INN) ราว 15 แห่ง, ฟิลิปปินส์ 3 แห่ง และญี่ปุ่น 4 แห่ง ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าจะมี HOP INN ทั้งในไทยและต่างประเทศราว 150 แห่ง จากปัจจุบัน 67 แห่ง Bloomberg Consensus ประมาณการกำไรสุทธิปี 2023 ที่ 727 ล้านบาท (พลิกจากขาดทุน 224 ล้านบาท) และมูลค่าเหมาะสมที่ 6.23 บาท

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง ตัวเลขภาคการผลิตโลก

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง ตัวเลขภาคการผลิตโลก