วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก วอลุ่มเบาบาง

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก วอลุ่มเบาบาง

วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ดัชนีปรับตัวลงต่อเนื่อง เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดส่วนใหญ่ในภูมิภาค ดัชนีลงมาทดสอบแนวรับบริเวณ 1,400 จุด แรงขายมาจากหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัว อย่าง AOT ซึ่งส่งผลต่อดัชนีถึง -4.3 จุด และแรงขายหุ้นกลุ่มพลังงาน อิเล็กทรอนิกส์

ขณะที่ตลาดขาดปัจจัยบวกใหม่ ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,406.61 จุด -7.54 จุด -0.53% มูลค่าการซื้อขาย 40,408 ลบ. Program Trading -383.64 ลบ. ต่างชาติ -1,715.21 ลบ. TFEX -19,408 สัญญา ตราสารหนี้ -1,696.01 ลบ.

ปัจจัยบวก    

+/- ตลาดหุ้น ตลาดน้ำมัน WTI ตลาดทองคำและตลาดเงินสหรัฐ ปิดทำการวันพฤหัสบดีที่ 23 พ.ย. เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า
+/- ธนาคารกลางตุรกีประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย 5% สู่ระดับ 40% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะปรับขึ้นเพียง 2.5% เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น 61% ในเดือนต.ค. และพยุงค่าเงินลีราที่ร่วงลง 35% เมื่อเทียบดอลลาร์นับตั้งแต่ต้นปี 2566
+ ทำเนียบขาวออกแถลงการณ์แสดงความยินดีต่อการบรรลุข้อตกลงปล่อยตัวประกันจากกลุ่มฮามาสในวันพรุ่งนี้ (24 พ.ย.) เวลา 20.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 01.00 น.ของวันที่ 25 พ.ย. ตามเวลาไทย
+การส่งออกสินค้าอาหารไทยในช่วง 9M66 มีมูลค่า 1.16 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.6% เนื่องจากความต้องการและราคาตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นจากปรากฏการณ์เอลนีโญที่ทำให้เกิดภัยแล้ง
+ นายกฯ สั่งตั้ง“ศูนย์อำนวยการแก้ไขหนี้นอกระบบ” เปิดให้ประชาชนที่เดือดร้อนลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือ 1 ธันวาคมเป็นต้นไป

ปัจจัยลบ

- กลุ่มโอเปคพลัสประกาศว่าการประชุมกำหนดนโยบายการผลิตน้ำมันซึ่งถูกเลื่อนไปเป็นวันที่ 30 พ.ย. จากเดิมวันที่ 25-26 พ.ย.จะเป็นการประชุมแบบออนไลน์แทนการจัดประชุมแบบพบปะกัน สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่าการประชุมดังกล่าวประสบปัญหาเนื่องจากซาอุดีอาระเบียได้แสดงความไม่พอใจต่อการที่สมาชิกหลายรายละเมิดข้อตกลงในการผลิตน้ำมัน ซึ่งส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ร่วงลงรุนแรงถึง 4.9% สู่ระดับต่ำกว่า 80 ดอลลาร์/บาร์เรลในการซื้อขายที่ตลาดลอนดอนเมื่อวันพุธ (22 พ.ย.)

 

- กลุ่มประเทศยูโรโซนรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมซึ่งบ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจลดลงในเดือนพ.ย. และบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจของยูโรโซนจะหดตัวลงอีกในไตรมาสนี้ เนื่องจากผู้บริโภคยังควบคุมการใช้จ่าย
- นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษในงานเดอะสแตนดาร์ด อีโคโนมิก ฟอรั่ม เมื่อวันที่ 23 พ.ย. ว่าเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันยังวิกฤติ ทำให้รัฐบาลจำเป็นต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วนซึ่งยังเป็นข้อถกเถียงกันอยู่ว่า เศรษฐกิจดีหรือไม่ดี และถกเถียงกันระหว่างตนเองกับนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าธปท. แต่มั่นใจว่าทุกคนเห็นด้วยว่าเศรษฐกิจไม่ดีในช่วงนี้ รัฐบาลจึงต้องมีมาตรการเร่งด่วนช่วยลดค่าไฟ พักหนี้ การให้ฟรีวีซ่าเพื่อดึงนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศแต่ยังไม่เป็นที่น่าพอใจตัวเลขนักท่องเที่ยวยังไม่ดี ทั้งปัจจัยจากเศรษฐกิจต่างประเทศ และเหตุการณ์บางเหตุการณ์ในไทย เช่น เหตุการณ์ที่พารากอนซึ่งเป็นหน้าที่รัฐบาลที่ต้องสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว

แนวโน้มตลาดวันนี้    

คาดดัชนีในวันนี้พักฐานโดยได้แรงหนุนจากทางเทคนิคหลังปรับตัวลงแรงวานนี้จากความกังวลว่านักท่องเที่ยวจีนไม่ได้เพิ่มขึ้นตามที่คาดไว้ และความกังวลเรื่องงบประมาณในการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้ง Digital wallet และ e-Refund เป็นปัจจัยกดดัน มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,395-1,415 จุด

กลยุทธ์การลงทุน  

• หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก Bond Yield ปรับตัวลง : TIDLOR SAWAD MTC
• Digital Wallet และ e-Refund : BJC CPALL CPAXT CRC CPN COM7 SPVI CPW JMART HMPRO DOHOME GLOBAL ZEN M AU TNP KK
• MSCI Global Standard เข้า : - ออก : BGRIM EGCO RATCH MSCI Small cap เข้า : BGRIM EGCO RATCH ออก : ACE ASK KEX ONEE RAM SABUY TTA TFG VIBHA ใช้ราคาปิด 30 พ.ย.
• หุ้นที่มี ESG สูง และอยู่ใน SET50 : ADVANC CPALL CPF CRC OR PTTEP TOP

 

 

หุ้นรายงานพิเศษ  

BE8 - "ซื้อ" (Bloomberg Consensus 40.50 บาท)
กำไร 9M23 +133%YoY

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก วอลุ่มเบาบาง

•งวด 3Q23 บริษัทมีกำไรสุทธิเท่ากับ 74 ลบ. +111%YoY, +3%QoQ มีรายได้รวมเท่ากับ 581 ลบ. +175%YoY, -9%QoQ สาเหตุที่รายได้ ลดลง QoQ มาจากงานโครงการขนาดใหญ่เสร็จสิ้นแล้วใน 2Q23 และงานโครงการภาครัฐที่มีการเลื่อนออกไป จากเดิมที่คาดว่าจะเข้ามาใน 3Q23 มี %GPM เท่ากับ 29.5% (2Q23 = 26.5%, 3Q22 = 37.8%) %GPM ที่ลดลง YoY มาจากการรวมธุรกิจ X10 ผู้ให้บริการด้าน Technology Integration Platform และ BAYCOMS ผู้ให้บริการด้าน Cyber Security ซึ่งทั้ง 2 บริษัทมีอัตรากำไรต่ำกว่าธุรกิจของบริษัท เพิ่มขึ้น QoQ จาก Synergy ภายในกลุ่มบริษัท

•แผนการเติบโตระยะยาวของบริษัท ในปี 23-25 เติบโตเฉลี่ยปีละ 90% โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 25 ราว 5 พันลบ. มาจากทั้งการเติบโตแบบ Organic และ Inorganic รวมถึงบริษัทมีแผนการเสนอขายหุ้น IPO บริษัทเบย์ คอมพิวติ้งจำกัด (BAYCOMS) ซึ่งจะช่วยปลดล็อคมูลค่าหุ้นของบริษัท

ความเห็น เรามีมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโต ในระยะยาวของบริษัท โดยในปี 24 จะเห็นการขยายเข้าไปในตลาดออสเตรเลีย และเวียดนาม มากขึ้น โดย Bloomberg Consensus คาดการณ์กำไรปี 23 ราว 297 ลบ. เติบโต 114%YoY และคาดกำไรปี 24 ราว 407 ลบ. เติบโต 37%YoY กำไรงวด 9M23 เท่ากับ 207 ลบ. คิดเป็น 70% ของประมาณการณ์กำไรปี 23 ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus เฉลี่ย 40.50 บาท มี upside 24% เราจึงแนะนำ “ซื้อ”

หุ้นมีข่าว

(+) AOT (Bloomberg consensus 80.00 บาท) ลั่นผู้โดยสารดีแม้จีนฟื้นช้า แต่ได้ประเทศอื่นเสริม สัดส่วนต่างชาติกลับมา 70-75% แล้ว มั่นใจปี 2567 ผู้โดยสาร 120-130 ล้านคน มีรันเวย์ที่ 3 และ SAT-1 ปั๊มเงินเพิ่ม ชี้ส่วนการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการแค่ให้เลื่อนจ่ายเงินเพิ่มสภาพคล่อง ไม่ได้ลดหรือยกเลิก ยืนยันเก็บเงินทุกเม็ด (ที่มา ทันหุ้น)

(+) SSP (Bloomberg consensus 9.32 บาท) กำงบ 3-4 พันล้านบาท ซุ่มศึกษาแผน M&A คาดมีความชัดเจนอย่างน้อย 1 ดีลภายในไตรมาส 1/2567 ย้ำกระแสเงินสดแข็งแกร่งเพียงพอที่จะชำระคืนหุ้นกู้ และใช้จ่ายในการลงทุน คาดทุกโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินงาน ชัดเจนครึ่งแรกปี 2567 (ที่มา ทันหุ้น)

(+) ASIAN (Bloomberg consensus 8.71 บาท) ส่งซิกผลงานไตรมาส 4/2566 ขยายตัวดีกว่าไตรมาสก่อนหน้า หลังคำสั่งซื้อใหม่ในอาหารสัตว์เลี้ยง-ทูน่า-อาหารสัตว์น้ำ เข้ามาเติมพอร์ตเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ขณะที่อาหารทะเลแช่แข็งยังไม่กระเตื้อง รับยอดขายปี 2566 หดตัวลงที่ 9.7 พันล้านบาท วางเป้าคงอัตรากำไรขั้นต้นทั้งปี 2566 เหนือระดับ 12-13% (ที่มา ทันหุ้น)

(+) HL (Bloomberg consensus - บาท) กางแผนธุรกิจปีมังกร ควักงบ 120 ล้านบาท ลุยเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีก 20 แห่ง หนุนสิ้นปี 2567 แตะ 70 แห่ง จากปีนี้ที่ 50 แห่ง มองเทรนด์ผู้สูงอายุเพิ่ม ดันยอดซื้อยา อาหารเสริมบูม ตั้งเป้ารายได้โต 20% เร่งเครื่องดันมาร์จิ้นยืนเหนือ 23% (ที่มา ทันหุ้น)