วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ MINT ใช้ประโยชน์เต็มที่จากความแข็งแกร่งของแบรนด์ต่าง ๆ

ธุรกิจโรงแรมจะช่วยหนุนจากความแข็งแกร่งของแบรนด์และการขยายธุรกิจ
ผู้บริหารให้แนวทางว่ากลยุทธ์การเติบโตของ MINT จะมุ่งเน้นการใช้ประโยชน์เต็มที่จากชื่อเสียงที่ดีเป็นที่ยอมรับของลูกค้าเพื่อขยายตลาดใหม่โดยใช้กลยุทธการผสมผสานแบรนด์และการยกระดับแบรนด์ให้สูงขึ้น สำหรับใน 3Q66 MINT ได้ปรับภาพลักษณ์แบรนด์ใหม่ (rebrand) ของโรงแรม 2 แห่งได้แก่ NH hotels เปลี่ยนเป็นแบรนด์ Avani hotels ในประเทศอิตาลีและเม็กซีโกเพื่อกระตุ้นให้รายได้เฉลี่ยต่อวัน (ADR) สูงขึ้น ในแง่ดี บริษัทได้วางแผนการขยายธุรกิจไปจนถึงปี 2568F โดยมุ่งเน้นกลยุทธ์การลดเป็นเจ้าของสินทรัพย์และเดินหน้าเพิ่มจำนวนห้องพักรวมเป็น 90,454 ห้อง (3-year CAGR ที่ 5.5%) ด้วยห้องพักของโรงแรมที่บริษัทลงทุนเองและเช่าบริหารที่ 55,518 ห้อง (3-year CAGR ที่ 0.6%) ขณะที่ ในปี 2567F ผู้บริหารคาด ADR ยังคงเติบโต (แต่อยู่ในระดับที่ลดลงตามการท่องเที่ยวในยุโรปกลับคืนสู่ภาวะปกติ) ซึ่งจะช่วยรองรับในการคาดว่ามีการเพิ่มขึ้นของค่าแรงงาน
อัตราการเติบโตของธุรกิจร้านอาหารกำลังชะลอตัว
อัตราเติบโตของยอดขายต่อร้าน (Same store-sales growth :SSSG) ดูเหมือนว่าอาจชะลอลงใน 4Q66F-2567F สืบเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจจีนหดตัวและการบริโภคภายในประเทศอ่อนตัวฉุดให้ยอดขายลงอย่างไรก็ตาม การขยายเปิดร้านสาขาเพิ่มอย่างต่อเนื่องน่าจะส่งผลบวกต่ออัตราการเติบโตของยอดขายรวม (total-system sales :TSS)
ปรับประมาณการกำไรสุทธิเล็กน้อยในปี 2566F-2567F
เราปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2566F ลงเล็กน้อย 3% เป็น 6.64 พันล้านบาท (+55% YoY) และปรับขึ้น 0.4% ในปี 2567F อยู่ที่ 7.21 พันล้านบาท (+9% YoY) โดยที่หลัก ๆ เป็นผลของ i) ปรับเพิ่มรายได้ทั้งสองปีขึ้น 2% และ ii) ปรับลดสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ต่อยอดขายลง 0.7-1.2ppts เป็นเพราะ MINT บริหารจัดการรายจ่ายได้ดีกว่าเราคาดใน 3Q66 อย่างไรก็ตาม การปรับดังกล่าวส่วนใหญ่ถูกชดเชยจากการปรับรายจ่ายภาษีเพิ่มขึ้น 45% เป็น 2.7 พันล้านในปี 2566F และ 48% เป็น 3.2 พันล้านในปี 2567F ด้านต้นทุนการกู้ยืมเฉลี่ยคาดสูงขึ้นต่อเนื่องในปีหน้า แต่ว่าบริษัทวางแผนที่จะนำเงินสดส่วนเกินไปจ่ายชำระหนี้สินเพื่อลดผลกระทบของรายจ่ายดอกเบี้ยให้น้อยลง
Valuation & action
เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น MINT แต่ปรับลดราคาเป้าหมายปี 2567 ลงใหม่ที่ 38.25 บาท (อิงจาก EV/EBITDA ที่ 10.8x หรือเท่ากับ -1.0S.D. เพื่อสะท้อนส่วนลดในช่วงสภาวะอัตราดอกเบี้ยสูง) จากเดิม 45.00 บาท (อิงจาก EV/EBITDA ที่ 12.1x หรือเท่ากับค่าเฉลี่ยในระยะยาว)
Risks
ความไม่สงบทางการเมือง และสภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว