วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.กรุงศรี BJC - ถูกกดดันจาก Big C HK

และตั้งเป้าจะขยายสาขาเป็น 99 ร้านภายในสิ้นปี 2026 และ (2) เราปรับลดประมาณการรายได้ลง 0.8% เพื่อสะท้อนถึงธุรกิจ healthcare ที่อ่อนแอกว่าที่คาดเอาไว้เล็กน้อย ซึ่งจากเหตุผลดังกล่าว เราจึงปรับลดประมาณการกำไรจากธุรกิจหลักในปี 2023F ลง 11.3% และปี 2024F ลง 14.5%

 

Big C HK จะขยายสาขาเป็น 99 ร้านภายในสิ้นปี 2026

ผู้บริหารบอกว่าจากจำนนวนคนฮ่องกงที่เข้ามาเที่ยวประเทศไทยเป็นจำนวนมากและ เข้ามาซื้อของที่ร้าน flagship ที่ถนนราชดำริ ทำให้บริษัททมองว่ามีอุปสงค์สินค้าไทยในฮ่องกง ดังนั้น จึงเข้าไปซื้อกิจการเชน About Thai (ปัจจุบันเป็น Big C
HK) ในเดือนกรกฎาคม 2023 ซึ่งร้านค้าเหล่านี้มีขนาดเล็กอยู่ในช่วง 75-600 ตรม. ถึงแม้จะคาดว่า 24 ร้านแรกที่เปิดดำเนินการอยู่แล้วจะถึงจุดคุ้มทุนได้ภายในเดือนมกราคม 2024 แต่เราคาดว่าต้นทุนการดำเนินงานจากการเปิดร้านเพิ่มปีละ 25
รา้ นจะยังคงกดดันผลประกอบการของ BJC อย่างต่อเนื่อง

 

 

 

คาดว่า SSSG ใน 4Q23 จะอยู่ที่ 4%

รายได้มีแนวโน้มจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะ Big C โดยเราคาดว่า samestore-sales growth (SSSG) จะอยู่ที่ 4% ใน 4Q23F จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลดีต่อสาขาร้านที่ตั้งอยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยว (ประมาณ 20%) สำหรับยอดขายของสาขาในกลุ่มอื่น ๆ ก็น่าจะเติบโตได้ดี เช่นกันเพราะ 4Q23 เป็นช่วง peak ตามฤดูกาลของการบริโภค อย่างไรก็ตาม เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของ Big C HK สูงเราจึงคิดว่า กำไรหลักใน 4Q23F จะลดลง 18% yoy เหลือ 1.4 พันล้านบาท นอกจากนี้ เรายังปรับเพิ่มสมมติฐานสัดส่วน SG&A ต่อยอดขายรวมในปี 2023F ขึ้นอีก 0.4ppt (เป็น 20.6%) และในปี 2024F ขึ้นอีก 0.5ppt (เป็น 20.7%) ซึ่งทำให้เราปรับลดประมาณการกำไรจากธุรกิจหลักปี 2023F ลง 11.3% และปี 2024F ลง 14.5%)

 

ประเมินราคาเป้าหมายด้วยวิธี DCF โดย upside อยู่ที่มาตรการ digital wallet

ประเมินราคาเป้าหมาย BJ ด้วยวิธี DCF ถึงแม้ว่า BJC จะได้อานิสงส์จากการเติบโตของการบริโภคโดยรวมในประเทศไทย แต่เราคิดว่าผลประกอบการของบริษัทจะยังคงถูกกดดันจาก Big C HK ซึ่งมีผลขาดทุนอยู่ เรามองว่า upside มาจากมาตรการ digital wallet ซึ่งหากมีการดำเนินการจริงจะทำให้ SSSG ดีกว่าที่เราคาดไว้