วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ ตลาดหุ้นไทยอาจฟื้นตัวได้ในช่วงสั้น จากสงครามที่คลี่คลาย

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ ตลาดหุ้นไทยอาจฟื้นตัวได้ในช่วงสั้น จากสงครามที่คลี่คลาย

ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์มีพัฒนาการในทางที่ดี ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังแข็งแกร่ง วานนี้ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลง -2.79% จากความคืบหน้าของสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสที่มีการปล่อยตัวประกัน ส่งผลให้วันนี้หุ้นพลังงานอาจปรับตัวลงบ้าง

โดยเราแนะนำทยอยขายทำกำไรบางส่วนก่อนเข้าสู่ช่วงรายงานผลประกอบการใน 3Q23 ขณะที่รายงานตัวเลข S&P Global US Services PMI ออกมาสูงกว่าคาดเล็กน้อยที่ 50.9 (คาดการณ์ที่ 49.8 และเดือนก.ย. อยู่ที่ 50.1) ส่วน S&P Global US Manufacturing PMI ออกมาสูงกว่าคาดเช่นกันที่ 50.0 (คาดการณ์ที่ 49.5 และเดือนก.ย. อยู่ที่ 49.8) ด้วยตัวเลขเศรษฐกิจที่ยังคงแข็งแกร่ง อาจเป็นหนึ่งในปัจจัยหนุนให้เฟดจำเป็นต้องใช้นโยบายทางการเงินที่ตึงตัวต่อไปในอนาคต อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงติดตามการประกาศตัวเลข GDP และ Core PCE สหรัฐฯ ที่อาจมีผลต่อตลาดค่อนข้างมาก 

ส่งออกไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง ตัวเลขส่งออกไทยในเดือนก.ย. ขยายตัวติดกันเป็นเดือนที่ 2 และสูงกว่าที่คาดการณ์ โดยเพิ่มขึ้น 2.1% yoy จากที่คาดว่าจะลดลง -1.75% yoy ส่วนนำเข้าลดลง 8.3% yoy แต่ดุลการค้าพลิกเกินดุล 2,092 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเห็นการฟื้นตัวในกลุ่มสินค้าเกษตร และสินค้าอุตสาหกรรม เป็นบวกต่อหุ้นทั้ง 2 กลุ่ม อย่างไรก็ตาม ด้วยราคาของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่ปรับขึ้นมาค่อนข้างมาก แนะนำหาโอกาสเข้าสะสมเมื่อราคาย่อตัวลงมา ทั้งนี้ ตัวเลขดุลการค้าที่เกินดุลและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ชะลอลง ระยะสั้นอาจมีโอกาสเห็นเงินบาทแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ซึ่งจะสนับสนุนต่อการไหลเข้าของฟันด์โฟลว์ 
 

ภาพรวมกลยุทธ์: แกว่งตัวในกรอบ 1,380 – 1,430 จุด หุ้นที่ลงเยอะจากการขายชอร์ต อาจเป็นเป้าหมายของการซื้อคืน ขณะที่ภาพการเก็งกำไรยังเน้นกลุ่มได้ประโยชน์จากบาทอ่อนค่าทั้งทางตรง (อิเล็กทรอนิกส์และอาหาร) และทางอ้อม (การแพทย์และท่องเที่ยว)

หุ้นแนะนำ: BCP*, BDMS*, TLI*, GFC*

แนวรับ: 1,380 / แนวต้าน : 1,430 จุด 

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%

 

ประเด็นการลงทุนที่น่าสนใจ

ดัชนี PMI รวมภาคผลิต-บริการสหรัฐพุ่งสูงสุดรอบ 3 เดือน -  เอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 51.0 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน จากระดับ 50.2 ในเดือนก.ย. โดย ได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของคำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงาน ขณะที่ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจพุ่งแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2565

ดัชนี PMI รวมภาคผลิตและบริการขั้นต้นยูโรโซนเดือนต.ค.หดตัวต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ปี - ดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการขั้นต้นยูโรโซนลดลงสู่ระดับ 46.5 ในเดือนต.ค. จากระดับ 47.2 ในเดือนก.ย. ซึ่งต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2563 ขณะที่ผลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะ 47.4 เนื่องจากอุปสงค์ปรับตัวลดลงแบบเป็นวงกว้างทั่วยูโรโซน
 

GDP เกษตร Q3/66 โต 0.5% yoy – คาดทั้งปีโต 1.5-2.5% จับตาเอลนีโญ-โรคระบาด โดยสาขา ปศุสัตว์ สาขาประมง และสาขาป่าไม้ ขยายตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากการบริหารจัดการฟาร์มที่ดีและความต้องการบริโภคมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ขณะ ที่สาขาพืช และสาขาบริการทางการเกษตร หดตัวลง เนื่องจากสภาพอากาศร้อนและแห้งแล้ง ภาวะฝนทิ้งช่วง และปริมาณฝนน้อยกว่าปีที่แล้ว 

SABUY ลั่นดูแลผู้ถือหุ้น วีคหน้าเปิดชื่อกองทุนดัง – SABUY ขอโฟกัสดูแลผู้ถือหุ้นรายย่อย ประกาศลดทุน 4.98% เล็งเสนอซื้อหุ้นคืนเพิ่มเติมลิมิตสูงสุด 10% ชี้ราคานี้ต่ำกว่าพื้นฐาน ยืนยันธุรกิจยังดีเดินหน้าได้ จ่ายเงินคู่ค้า สถาบันการเงินตามปกติ บริหารสภาพคล่องดี ส่วนงบเป็นไปตามเป้า ไม่มีเซอร์ไพรส์ทางลบ เตรียมเปิดชื่อกองทุนดังเข้าซื้อสัปดาห์หน้า เตือนขาช็อตหุ้นระวังความจริงปรากฏ

WINDOW – เข้าซื้อขายใน mai ในวันนี้ (25 ต.ค.) ผู้นำด้าน Innovation Window and Door System เสนอขายหุ้น IPO จำนวน 244.2 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 2.10 บาท 

 

ประเด็นติดตาม: ต.ค. - 25 ต.ค. - New Home Sales (Sep) /26 ต.ค. - ECB Interest Rate Decision (Oct), US Core Durable Goods Orders (MoM) (Sep), US GDP (QoQ) (Q3), US Initial Jobless Claims, Pending Home Sales (MoM) (Sep)

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)