วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก Sideway

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก Sideway

วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ แต่สามารถปิดในแดนบวกได้ โดยแรงขายหลักมาจากหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันปรับตัวลงแรง ราว -5.6%

นักลงทุนติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อย่างตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย. ที่จะรายงานในวันศุกร์นี้ เพื่อประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,452.55 จุด +1.30 จุด +0.09% มูลค่าการซื้อขาย 43,120 ลบ. ต่างชาติ -2,140.46 ลบ. TFEX -4,560 สัญญา ตราสารหนี้ -1,483.48 ลบ.

ปัจจัยบวก    

+ ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมศึกษาการขยายระยะเวลาในการซื้อขายหลักทรัพย์ ภายหลังการหารือกับนายกรัฐมนตรี ซึ่งหากผลการศึกษาแล้วเสร็จ คาดว่าจะมีการเปิดรับฟังความคิดเห็น (เฮียริ่ง) กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในตลาดทุน
+ กนอ. เปิดเผยถึงแผนดำเนินงานปีงบประมาณ 67 ว่า กนอ.เร่งเดินหน้าดึงลงทุนทั้งไทยและต่างชาติเข้าลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ใช้เทคโนโลยีสูง และอุตสาหกรรมที่ไทยมีศักยภาพเป็นฐานการผลิตหลัก
+ กระทรวงพาณิชย์ลดเป้าเงินเฟ้อทั่วไปปี 66 เหลือโต 1.0-1.7% มีค่ากลาง 1.35% จากเดิมคาดโต 1.0-2.0% ค่ากลาง 1.5% หลังพบสัญญาณเงินเฟ้ออาจติดลบช่วงสิ้นปีนี้จากมาตรการลดค่าไฟ ราคาดีเซล และราคาสินค้า

ปัจจัยลบ 

- ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 9.98 จุด หรือ -0.03% ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ย.ของสหรัฐในวันนี้ เพื่อประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของเฟด
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 1.91 ดอลลาร์ หรือ -2.3% ปิดที่ 82.31 ดอลลาร์/บาร์เรลต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 ส.ค. 2566 และดิ่งลงติดต่อกันวันที่ 2 เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์เชื้อเพลิงที่ชะลอตัวลงในสหรัฐ
- WTO ประกาศปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของการค้าโลกในปีนี้ สู่ระดับ 0.8% จากระดับ 1.7% โดยได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง ซึ่งทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคในสหรัฐ ยุโรป และเอเชียลดลง

- รัฐบาลไต้หวันกำลังตรวจสอบว่าการที่บริษัทเทคโนโลยีในไต้หวันให้การช่วยเหลือบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยีส์ที่โรงงานผลิตชิปหลายแห่งในจีนนั้น เป็นการละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐหรือไม่
- สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย เปิดเผยว่าปีนี้คาดว่าเงินลงทุนจากต่างประเทศของนักลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์)ไหลออกจากตลาดตราสารหนี้ไทยเกิน 150,000 ล้านบาท มากที่สุดในรอบ 8 ปี โดยส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในตราสารหนี้ระยะสั้น

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีในวันนี้ มีโอกาสแกว่งตัวผันผวนในลักษณะ Sideway ออกข้าง โดยนักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ย.ของสหรัฐในวันนี้ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ลดลงต่อเนื่องยังกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน มองกรอบดัชนีในวันนี้ ที่ 1,445-1,460 จุด

กลยุทธ์การลงทุน  

• หุ้นที่ได้รับประโยชน์มาตรการลดค่าไฟฟ้าตามมติครม. : HMPRO GLOBAL DOHOME CPALL CPAXT CRC
• หุ้นที่ได้รับประโยชน์นโยบายฟรีวีซ่า : AOT CENTEL ERW SPA RP AU
• นโยบายแจกเงินดิจิทัลคนละ 10,000 บาท : HMPRO DOHOME GLOBAL ILM COM7 CPALL CRC MAKRO TNP KK
• หุ้นเสียประโยชน์จากลดค่าไฟฟ้า : GPSC BGRIM EA SSP
• กนง.ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย : BBL KBANK SCB KTB
• หุ้นเด่น IAA : ADVANC AOT BDMS CPALL TOP

 

หุ้นรายงานพิเศษ  

BE8 - "ซื้อ" (Bloomberg Consensus 55.25 บาท)
กำไรช่วง 1H23 คิดเป็น 45% ของประมาณการ Consensus ปี 23

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก Sideway

•งวด 2Q23 บริษัทมีกำไรสุทธิเท่ากับ 72 ลบ. +140%YoY, +18%QoQ มีรายได้รวมเท่ากับ 637 ลบ. +366%YoY, +7%QoQ จากงานโครงการที่ได้รับเพิ่มขึ้น และรายได้ต่อเนื่องจากงานโครงการในงวด 1Q23 โดยเป็นการเติบโตของรายได้จากการให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์และเทคโนโลยี และการขาย และรายได้จากการให้เช่าสิทธิการใช้งาน มี %GPM เท่ากับ 26.5% (1Q23 = 24.8% 2Q22 = 43.2%) ลดลง YoY จากการรวมธุรกิจ X10 และ BAYCOMS ที่มีอัตรากำไรต่ำกว่าธุรกิจของบริษัท

ความเห็น เรามีมุมมองเชิงบวกต่อธุรกิจของบริษัท เนื่องจาก เทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทำให้มี Demand ในการทำ Digital Transformation โดย Bloomberg Consensus คาดการณ์กำไรปี 23 ราว 297 ลบ. เติบโต 114%YoY และคาดกำไรปี 24 ราว 407 ลบ. เติบโต 37%YoY โดยกำไรช่วง 1H23 เท่ากับ 133 ลบ. คิดเป็น 45% ของประมาณการกำไรปี 23 และจากประเด็นความกังวลว่าหากรัฐบาล ใช้แอพ เป๋าตัง ในการแจกเงิน 10,000 บาท ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลงในช่วงที่ผ่านมา แต่เราเชื่อว่าในประมาณการกำไร ยังไม่มีใครคาดการณ์กำไรในส่วนนี้ แต่หากได้งานจากรัฐบาล จะเป็น upside ต่อผลการดำเนินงาน โดยราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus เฉลี่ย 55.25 บาท มี upside 51% เราจึงแนะนำ “ซื้อ”

 

หุ้นมีข่าว

(+) CPN (Bloomberg consensus 81.00 บาท) ฟุ้ง Q4/2566 ฟอร์มแจ่ม รับอานิสงส์ผู้ใช้บริการขยายตัว พร้อมยกระดับความปลอดภัยเข้มตรวจคนเข้าออก หวังสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า แถมควักงบ 600 ล้านบาท อัดแคมเปญกระตุ้นยอดปลายปี ชี้ประเดิมอีเวนต์แรกจับมือ Pokmon ลุยงาน "The Great Celebration 2024" คาดช่วยเพิ่มทราฟฟิกจากแคมเปญได้กว่า 25-30% ทั่วประเทศ (ที่มา ทันหุ้น)

(+) UTP (Bloomberg consensus 13.50 บาท) รับราคาเศษกระดาษในประเทศหดตัวอยู่ที่ 5 พันบาทต่อตัน ฉุดราคา จำหน่ายลดลงกว่า 20% แววไตรมาส 4/2566 ดีขึ้น พร้อมคงเป้าปริมาณจำหน่ายปี 2566 ไว้ที่ 2.4 แสนตัน ขณะที่คงเป้ายอดขายทั้งปีนี้ แตะ 4,000-4,200 ล้านบาท มองรัฐบาลชุดใหม่วางแนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจหนุนการฟื้นตัวที่ดีขึ้นในปี 2567 (ที่มา ทันหุ้น)

(+) SYNEX (Bloomberg consensus 15.25 บาท) เผยไอโฟน 15 กระแสตอบรับดีเกินคาด ดันยอดขายเติบโตแรง พร้อมเดินหน้าตลาดธุรกิจเกม (Gaming) เผยตลาดฮาร์ดแวร์โตกว่า 10% มองเป็นโอกาสของบริษัท ปี 2567 จะเน้นการทำตลาดมากขึ้นจากปีนี้ สัดส่วนเล็กน้อย คงเป้ารายได้ปีนี 4 หมื่นล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) NEX (Bloomberg consensus 14.00 บาท) สภากทม. ไฟเขียวเปลี่ยนรถเมล์เป็นรถอีวีทั้งหมด พบมีข้อมูลรถโดยสารจดทะเบียนราว 60,346 คัน ด้าน บขส.เตรียมออก TOR สัญญาเช่ารถบัส EV เร็วๆ นี คาดได้ผู้ชนะประมูลต้นปีหน้า ด้าน ซีอีโอ NEX ประกาศพร้อมทุกด้านเข้ารับงาน พร้อมทำตลาดรถสองแถว ขณะที่ตลาดรถบรรทุกอีวีดันงบไตรมาส 4 สดใส (ที่มา ทันหุ้น)