วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก จับตาประชุม กนง.

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก จับตาประชุม กนง.

วันอังคารที่ผ่านมา ดัชนีปรับตัวลงโดยมีแรงขายจากกลุ่มธนาคาร ได้แก่ KBANK SCB และ BBL ส่งผลให้ดัชนี SET หลุดแนวรับสำคัญบริเวณ 1,500 จุด โดยนักลงทุนจับตา การประชุมกนง. ในวันนี้

โดยจากข้อมูลของ Bloomberg ล่าสุดคาดว่ากนง. จะคงอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,494.02 จุด -13.34 จุด -0.88% มูลค่าการซื้อขาย 55,609 ลบ. ต่างชาติ -788.62 ลบ. TFEX +1,209 สัญญา ตราสารหนี้ +833.45 ลบ.

ปัจจัยบวก    

+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 71 เซนต์ +0.8% ปิดที่ 90.39 ดอลลาร์/บาร์เรล ได้ปัจจัยหนุนจากแนวโน้มอุปทานน้ำมันตึงตัว ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐในวันนี้
+ ที่ประชุมครม.เห็นชอบงบลงทุนรัฐวิสาหกิจ 1.5 ล้านล้านบาทและโครงการพักหนี้เกษตรกร 3 ปีงบ 12,000 ล้านบาทเปิดรับสมัครพักหนี้ 1 ต.ค.66
+ การส่งออกเดือน ส.ค.66 มีมูลค่า 24,279.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 2.6%YoY พลิกกลับมาบวกเป็นครั้งแรกในรอบ 11 เดือน (ตลาดคาด -5.0%YoY) 8M66 (ม.ค.-ส.ค.) มีมูลค่า 187,593 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ติดลบ 4.5%YoY
+ ธปท.ผ่อนคลายเกณฑ์การทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับเงินบาทของผู้มีถิ่นที่อยู่นอกประเทศ (non-resident) กับสถาบันการเงินในประเทศเพิ่มเติมให้สามารถทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับเงินบาทกับสถาบันการเงินในประเทศโดยไม่ต้องแสดงเอกสารหลักฐาน และสามารถฝากเงินบาทในบัญชีเงินบาทได้ไม่จำกัดยอดคงค้าง เพื่อเพิ่มความคล่องตัวและลดภาระด้านเอกสารหลักฐาน

ปัจจัยลบ 

- ประธาน FED สาขาชิคาโกแสดงความเห็นว่าเงินเฟ้อที่เคลื่อนไหวสูงกว่าเป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% ยังคงเป็นความเสี่ยงที่รุนแรงมากกว่านโยบายคุมเข้มด้านการเงินของเฟด
- ดร.ฉือ เจิ้งหลี่ ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยาและทีมนักวิจัยประจำสถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่นเตือนว่า มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเกิดโรคระบาดใหม่ที่คล้ายกับโรคโควิด-19 ซึ่งมีต้นตอมาจากค้างคาว
 

 

- ผลสำรวจของ Conference Board ระบุว่าดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 103.0 ในเดือนก.ย. ต่ำสุดในรอบ 4 เดือน และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 105.5 จากระดับ 108.7 ในเดือนส.ค.
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทยปรับลดประมาณการเติบโตของเศรษฐกิจไทยปี 66 เหลือ 3.0% จาก 3.7% จากการที่เศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีนยังชะลอตัวต่อเนื่อง

แนวโน้มตลาดวันนี้    

คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสอ่อนตัวลงต่อหลังหลุดแนวรับสาคัญที่ 1,500 จุด โดยมีแรงกดดันจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัว ขณะที่ปัจจัยในประเทศจับตาการประชุม กนง. ในวันนี้ กรอบดัชนีในวันนี้ 1,485 -1,500 จุด

กลยุทธ์การลงทุน    

• หุ้นที่ได้รับประโยชน์มาตรการลดค่าไฟฟ้าตามมติครม. : HMPRO GLOBAL DOHOME CPALL CPAXT CRC
• หุ้นที่ได้รับประโยชน์นโยบายฟรีวีซ่า : AOT CENTEL ERW SPA RP AU
• นโยบายแจกเงินดิจิทัลคนละ 10,000 บาท : HMPRO DOHOME GLOBAL ILM COM7 CPALL CRC MAKRO TNP KK
• หุ้นเสียประโยชน์จากลดค่าไฟฟ้า : GPSC BGRIM EA SSP

 

หุ้นรายงานพิเศษ

ARROW ("ซื้อ" ราคาเหมาะสมปี 23 เท่ากับ 8.00 บาท)
2Q23 อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นจากราคาวัตถุดิบเหล็กลง

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก จับตาประชุม กนง.

•งวด 2Q23 มีรายได้ที่ระดับ 319.2 ล้านบาท ลดลง -10.3%QoQ และ -4.7%YoY มีสาเหตุหลักมาจากสถานการณ์ทางการเมืองซึ่งยังมีความไม่แน่นอน ส่งผลให้ลูกค้าชะลอคำสั่งซื้อบางส่วน ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นที่ได้เท่ากับ 21.6% ดีขึ้นจาก 16.1% ใน 1Q23 และ 16.2% ใน 2Q22 เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบเหล็กมีราคาลดลง บริษัทมีกำไรสุทธิเท่ากับ 21.6 ล้านบาท +34.4%QoQ และ +33.65%YoY ทั้งนี้ กำไรสุทธิ 1H23 เท่ากับ 33.4 ล้านบาท ลดลง -25.7%YoY คิดเป็น 26.3% ของประมาณการทั้งปี เนื่องจากมีการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญใน 1Q23

•เราคงประมาณการรายได้และกำไรสุทธิปี 23 เท่ากับ 1,515 ล้านบาท และ 127.3 ล้านบาท เติบโต +12.6%YoY และ +37.5%YoY ตามลำดับ โดยคาดแนวโน้มผลประกอบการปี 2H23 จะเติบโตได้ดีกว่าครึ่งปีแรก จากช่วง High Season ของธุรกิจ ประกอบกับ Order ที่ถูกเลื่อนมาจากความไม่แน่นอนทางการเมืองจะกลับมาหลังจากมีการจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ ประกอบกับส่งผลให้อุตสาหกรรมก่อสร้างมีโอกาสฟื้นตัวโดดเด่น ตามการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ ขณะที่เม็ดเงินลงทุนจากเอกชนเริ่มกลับมา ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นจะเห็นได้ว่าปรับตัวดีขึ้นชัดเจน จากทิศทางราคาเหล็กที่มีแนวโน้มลดลงจนถึงปี 24 หลังเกิดวิกฤติในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน

ความเห็น : เราเชื่อว่าผลประกอบการเติบโตอีกครั้ง หลังมีรัฐบาลชุดใหม่ เราประเมินราคาเหมาะสมอิง PER ที่ 16 เท่า (ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี) ภายใต้สมมติฐานประมาณการปี 23 ได้ราคาเหมาะสมเท่ากับ 8.00 บาท คงแนะนำ “ซื้อ”

 

หุ้นมีข่าว

(+) WHA (Bloomberg consensus 5.50 บาท) แม่ทัพหญิง "จรีพร จารุกรสกุล" ลั่นผลงานปี 2566 ทำออลไทม์ไฮ อัพเป้ายอดขายที่ดินสิ้นปีนี้พุ่ง 2.75 พันไร่ จากเดิมที่วางไว้ 1.75 พันไร่ เนื้อหอมยักษ์ใหญ่ยานยนต์จากจีน 2 รายเรียงคิวจีบซื้อที่ รวมกันกว่า 800-900 ไร่ มีแบ็กล็อกในมืออีกกว่า 1 พันไร่ กว่าครึ่งจะส่งมอบในช่วงที่เหลือปีนี้ ด้านธุรกิจน้า-ไฟ ยังเติบโตสอดคล้องกลุ่มนิคม (ที่มา ทันหุ้น)

(+) TPCH (Bloomberg consensus 12.90 บาท) ส่งสัญญาณผลงานครึ่งปีหลังโดดเด่น รับปัจจัยหนุนโรงไฟฟ้าชีวมวลและขยะ 13 แห่ง กำลังผลิตรวม 122.30 เมกะวัตต์ เดินเครื่องได้เต็มกำลัง ล่าสุดบอร์ดไฟเขียวขายหุ้นบริษัทย่อยในกลุ่มโรงไฟฟ้าขนาดไม่เกิน 10 เมกะวัตต์ ในราคาไม่น้อยกว่า 1.2 พันล้านบาท นำเงินต่อยอดธุรกิจ (ที่มา ทันหุ้น)

(+) YGG (Bloomberg consensus - บาท) ส่งซิกมีลุ้นคว้าบิ๊กโปรเจ็กต์โค้งท้ายปี หนุนแบ็กล็อกสิ้นปีชน 100 ล้านบาท พร้อมฉายภาพกราฟิกงานโฆษณา ภาพยนตร์ เกม โตเด่น ภาพยนตร์แอนิเมชั่นสดใส หนังฟอร์มยักษ์ทำเงิน ดันลูกค้าไหลเข้าพรึ่บ เดินเกมสู่ธุรกิจต้นน้ำ (ที่มา ทันหุ้น)

(+) SBNEXT (Bloomberg consensus 1.99 บาท) บอร์ด SBNEXT อนุมัติแต่งตั้งแม่ทัพคนใหม่ "กิตติพล ฐานะสิทธิ์" ขึ้นแท่น CEO มีผลวันที่ 1 ตุลาคม 2566 สู่ผู้นำอันดับ 1 ตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ (Vending Machine) และผู้นำ Home IoT เล็งเปิดตัวเครื่องกรองน้ำ 2 รุ่นใหม่ ในเดือนตุลาคม 2566 พร้อมรุกขยายช่องทางขายผ่าน Modern Trade หวังเพิ่มฐานลูกค้า ตั้งเป้าเปิดบริการ "บ้านกรองสบาย 1210" ครบ 50 สาขา ภายในปี 2567 ดันผลงานโตก้าวกระโดด (ที่มา ทันหุ้น)